9 มกราคม 2552 โรงเรียนธีร์มีงานกีฬา "ปฐมวัยเกมส์" ที่โรงยิมของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ธีร์อยู่สีฟ้า งานนี้ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ครู และครูพี่เลี้ยงมีส่วนร่วมกันอย่างเต็มที่ คุณครูและครูพี่เลี้ยงเตรียมจัดสถานที่ อุปกรณ์ และแต่งตัวเด็กกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร
พาเหรดสีฟ้าของธีร์ใช้ theme คำขวัญประจำจังหวัด อากาศก็เย็นจับใจ เด็กๆ บางรายนุ่งน้อยห่มน้อยกันจนน่ากลัวเป็นหวัด แต่เพื่อความสวยงาม...นะ คุณครูให้ธีร์ถือป้าย "ข้าวสารขาว" พอหันมามองหน้าธีร์ คุณครูบอกว่า ธีร์ต้องไปแต่งหน้าก่อน....อย่างธีร์รึจะยอม คุณครูเลยต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป แต่หม่าม้าดูๆ แล้ว ธีร์ไม่ต้องแต่งหน้าก็น่ากลัวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว 555
พอขบวนจะเริ่มเดิน ความโกลาหลเล็กๆ ก็เกิดขึ้น คุณครูหาข้าวสารขาวไม่เจอ...เด็กที่ต้องถือเม็ดข้าวสารตามหลังธีร์เกิดหายไป (ถ้าไม่บอก หม่าม้าก็คิดว่าเจ้าเม็ดข้าวสารที่น้องเค้าถือน่ะ ต้องเป็นหมอนข้างสีขาวแน่!) ตามหากันอยู่ซักพัก คุณครูก็ไปจิกกลับมาได้ ขบวนก็เดินกันอย่างไร้ระเบียบ และวุ่นวายไปจนถึงโรงยิม
พอเสียงเชียร์ดังมากเข้า นักกีฬาของเราก็ทำหน้าหงุดหงิด ปิดหู ไม่ชอบเสียงดัง และทำหน้าเซ็ง ไม่เห็นได้แข่งอะไรกะเค้าซักกะอย่าง ใครเค้าแข่งอะไรก็วิ่งจะไปแข่งด้วยตลอด และโมเมว่าตัวเองแซงคนอื่นไปได้
ในที่สุด หม่าม้าก็ไปถามคุณครูได้ความว่า ธีร์จะได้ลงแข่งเก้าอี้ดนตรี คุณครูจัดเตรียมรายชื่อนักกีฬาไว้หมดแล้ว ธีร์ต้องรอก่อน ระหว่างรอ ป๊าก็ให้นักกีฬาธีร์แข่งเกมส์ใน iPhone ไปก่อน
ใกล้จะถึงเวลาแข่ง คุณแม่ของเอมี่ก็หยิบไอติมโคนมาให้ธีร์ 1 อัน ระหว่างการเล็มไอติมอยู่เพลินๆ คุณครูก็บอกว่า ธีร์ได้เวลาแข่งเก้าอี้ดนตรีแล้ว....เวรกรรม...ธีร์กินไอติมอยู่ยังไม่อยากเลิกกิน พาลจะไม่แข่งซะงั้น
ล่อหลอกกันวุ่นวาย หม่าม้าและธีร์ก็ต้องไปแข่งเก้าอี้ดนตรี ระหว่างการแข่ง ป๊ากระซิบมาได้ความว่า ไม่้ต้องเอาแบบชนะเลิศก็ได้นะหม่าม้า ป๊าสังเกตการณ์แล้ว แม่ๆ พ่อๆ ทุกคนแข่งกันแบบเอาเป็นเอาตายมาก 555 แหม! ก็นิดนึง กลัวไม่สนุกถ้าไม่จริงจังไง
ในที่สุด ธีร์ก็ตกรอบ 3 คนสุดท้ายตามคำสั่งป๊าที่ไม่ให้แย่งชิง ธีร์เองก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว แข่งไปกินไอติมไป หม่าม้าจับเดินก็เดิน จับนั่งก็นั่ง ตราบใดที่ไอติมยังอยู่ในมือเราก็ยังโอเคอยู่ แข่งกันเสร็จ นักกีฬาทุกคนเดินไปรับเหรียญทอง...ถูกต้องแล้วค้าบ...นักกีฬาทุกคนเท่าเทียมกันมาก ได้เหรียญทองเหมือนกันทุกๆ คนเลย
รับเหรียญแล้วก็ถ่ายรูปร่วมกัน พร้อมให้นักกีฬาชื่นชมเหรียญซักหน่อย...ถามเหอะ ว่าไปแข่งอะไรได้เหรียญมา ธีร์ก็ตอบไม่ได้หรอก ม่าสายสี่ถามมาแล้ว....หลังจากแข่งเสร็จได้เหรียญ เราก็กลับบ้านกัน ส่งนักกีฬาผู้เหนื่อยอ่อนกลับบ้านกินข้าวเที่ยงและสลบไปในที่สุด
รับเหรียญแล้วก็ถ่ายรูปร่วมกัน พร้อมให้นักกีฬาชื่นชมเหรียญซักหน่อย...ถามเหอะ ว่าไปแข่งอะไรได้เหรียญมา ธีร์ก็ตอบไม่ได้หรอก ม่าสายสี่ถามมาแล้ว....หลังจากแข่งเสร็จได้เหรียญ เราก็กลับบ้านกัน ส่งนักกีฬาผู้เหนื่อยอ่อนกลับบ้านกินข้าวเที่ยงและสลบไปในที่สุด
วันอาทิตย์ 11 มกราคม 2552 (ข้ามวันเด็กไป เพราะวันเด็กธีร์อยู่บ้าน ไร้สามารถที่จะไปเบียดกะใครเค้าได้) คณะพรรคชาวบ้านสายสี่มารับป๊าที่บ้านหนองดินแดง มุ่งหน้าสู่เจียไต๋แฟร์ที่ ต.วังด้ง จ.กาญจนบุรี
ก่อนไป กองทัพของเราแวะร้าน "กบทอด" ให้กับพุงน้อยๆ ชื่อร้านก็บอกแล้วว่าของขึ้นชื่อคืออะไร ธีร์โซ้ยไปนิดหน่อย ได้เพลงใหม่ประกอบการกินด้วย "ชีวิตเคโระ" ธีร์ชอบใจมาก ร้องมาถึงเช้าวันจันทร์ โมอิ๊ไม่อยู่ คนกินกบหายไป 1 เพิ่มมาอีก 1 คนตัวเล็กๆ สรุปกงกะป๊ากินกบไป 1 จาน
กินเสร็จ หม่าม้าก็ขึ้นไปหลับบนรถ ธีร์ก็หลับเหมือนกัน หลับหลังจากที่หม่าม้าหลับไปแล้ว หม่าม้าตื่นมาพบว่า รถติด ติด แล้วก็ติดสุดๆ ถนน 2 เลน มีรถวิ่งตอนแรก 2 เลน และเพิ่มเป็น 4 เลน ระหว่างรถติด ก็มีปาเจโร่คันหนึ่ง ออฟโรดไปวิ่งข้างไร่อ้อย...นี่สิลูกผู้ชายตัวจริง (ตามคำของกู๋คิม) ไปวิ่งตรงนั้น ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และดูเจ๋งกว่าพวกที่แซงซ้าย แซงขวาซะอีก
รถติดกันไป 2 กิโลเมตรก่อนถึงไร่ชนม์สวัสดิ์ที่จัดงานเจียไต๋แฟร์...นั่งรอกันไป พอถึงงาน คนก็เยอะ แดดก็ร้อน เราไปเดินดูพืชผักขนาดใหญ่ หน้าตาแปลกๆ เท่าที่เห็นก็มีมะระขี้นก...ที่ใหญ่เท่ากับมะระจีนลูกเล็ก...หม่าม้าถามม่าว่า ถ้าขี้นกขนาดใหญ่เท่านี้ ตัวนกจะใหญ่แค่ไหน ม่าไม่ตอบหม่าม้า...
มะระจีน และมะระหน้าตาแปลกๆ ที่เหมือนมีหนามสูงๆ ประมาณหนามทุเรียน บวมงูอันยาวเป็นเมตร บวบหอม กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี มะเขือเทศ พริกอะไรไม่รู้ที่ยาวประมาณ 10 ซม. เดินดูกันไปก็มีเสียงหลายๆ คนพูดว่า เราปลูกเองแล้วมันจะได้ใหญ่ขนาดนี้มั้ย (วะ)
เดินวนกันไปรอบนึงก็เห็นไฮไลต์อันนึงของงาน แตงโมรูปหัวใจ กะแตงโมสี่เหลี่ยม อันนี้หม่าม้าคิดว่าเค้าปลูกใส่กล่องบังคับไว้แน่ แต่ไม่ได้ถามใครว่าใช่มั้ย จริงๆ เค้ายังมีข้าวโพดสีดำ สีแดง ข้าวโพด 3 สีในฝักเดียวกันด้วย แต่คนเยอะ ไม่รู้ว่าข้าวโพดที่ว่านี่อยู่ตรงไหน ก่อนกลับก็ดูฟักทองยักษ์ของเค้าซะหน่อย บอกว่าหนัก 60 กิโลกรัม ก็ใหญ่ แต่ไม่ใหญ่เท่าที่เคยดูในรายการของป้ามาร์ธา...จำได้ว่ามันหนักเกือบตันแน่ะ ป๊าหาว่าหม่าม้าเวอร์ แต่หม่าม้ายืนยันว่าไม่เวอร์มันใหญ่มากจริงๆ ใหญ่กว่าตัวป้ามาร์ธาตั้งเยอะ
ขากลับ เราก็เดินกลับไปที่รถ ระหว่างทางก็แวะซื้อขนม กะของกินเล็กๆ น้อยๆ ติดมือกลับบ้านกัน แวะกินอาหารเย็นกันก่อนที่คณะพรรคบ้านสายสี่จะส่งเราที่บ้านหนองดินแดง เป็นอันหมดไปอีกวัน
ป.ล. วันนี้อากาศเย็นเหลือเกิน...ธีร์ใส่เสื้อไปโรงเรียน 4 ชั้น เสื้อกล้าม เสื้อแขนยาว เสื้อกั๊ก และปิดท้ายด้วยเสื้อกันหนาวแบบบางๆ อีกตัว ฟังดูเหมือนเยอะ แต่พอไปถึงโรงเรียน หม่าม้าเอาตัววัดอากาศแล้วคิดว่าน่าจะพอดี โรงเรียนธีร์หนาวกว่าที่บ้านอีกวุ้ย....
4 comments:
อะไรกัน โมอิ๊ ไปไม่กี่วัน คิดถึง ธีร์ และ ทุกคนซะละ ... นี่แค่เพิ่งเริ่มต้น ยังมองไม่เห็นปลายเลยนะเนี่ย
ปล. แล้วมาแขวะโมอิ๊ในบล็อคธีร์ทำไมเนี่ย ...
อืม นั่นอ่ะดิ ใครเนี่ยแอบมาแขวะกัน..วันนี้ที่อังกฤษ ฝนตกทั้งวันเลยครับธีร์ โมอี๊เจอบรรยากาศตุ่นๆแบบที่กู๋คิมบอกแล้ว หลังจากอยู่มาได้ 5 วัน ได้ข่าวว่าเมืองไทยก็หนาวเช่นกัน รักษาสุขภาพกันถ้วนหน้านะคร๊าบ
เกลียดอากาศตุ่น ๆ
น่ารักดี เด็กสมัยนี้
Post a Comment