Monday, May 28, 2007

เพลงกล่อมธีร์

ปกติทุกวันหน้าที่ไหนๆ ก็เป็นของหม่าม้า การกล่อมธีร์เข้านอนภาค 2 ทุ่ม มักจะทำโดยการพาธีร์ไปแปรงฟัน ล้างมือและเท้า เปลี่ยนผ้าอ้อม แล้วก็จับธีร์เข้าที่นอน อ่านหนังสือให้ธีร์ดู/ฟังซัก 2-3 เล่ม สุดท้ายก็ปิดไฟ ธีร์จะกลิ้งไปมาซักพัก บางทีก็พักใหญ่ บางทีก็พักเล็ก ขึ้นอยู่กับความเหนื่อยว่าแสนสาหัสขนาดไหน บางทีพักใหญ่มาก หม่าม้าก็จะมีการดุเล็กน้อยว่านอนได้แล้วธีร์ นอน นอน นอน (สะกดจิตแบบโหด)

แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าธีร์นอนแล้ว...สังเกตได้จากความนิ่ง ถ้าธีร์สงบนิ่งไม่ไหวติงเป็นเวลานานหลายอึดใจ นั่นก็แปลว่าธีร์หลับแล้ว

วันนี้หม่าม้าเปิดโอกาสให้ป๊าเป็นคนกล่อมธีร์เข้านอน...หม่าม้าพาธีร์ไปแปรงฟัน ล้างมือ ล้างเท้า เปลี่ยนผ้าอ้อม จากนั้นก็ส่งหนังสือ 5 เล่มให้ป๊า ปิดไฟกลางห้อง เหลือแต่โคมไฟข้างเตียง สร้างบรรยากาศ บอกป๊าว่าอ่านหนังสือให้ธีร์ฟัง แล้วหม่าม้าก็ไปอาบน้ำ

พอกลับออกมา ธีร์ก็ยังไม่นอน แต่ป๊าพูดว่าอ่านหนังสือหมดทุกเล่มแล้ว ธีร์ก็ไม่ง่วงซักที แต่ป๊านี่แหละจะหลับแล้ว ที่เจ๋งก็คือพออ่านหนังสือถึงตอน "สองฟักทองเริงร่า เต้นจับมือกัน" (จากหนังสือเรื่องระบำผัก สอนเด็กเล็กๆ นับหนึ่งถึงสิบ) ธีร์ก็ยื่นมือมาให้จับด้วย...พออ่านคำว่า "ขอบคุณ" หรือ "สวัสดี" ธีร์ก็จะยกมือไหว้ประกอบ เหมือนลีลาประกอบเพลงยังไงยังงั้น หม่าม้าไม่ตื่นเต้นเลย เพราะนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวันระหว่างเราสองคน...แต่สิ่งที่หม่าม้าตื่นเต้นก็คือ ก็คือ ก็คือ...

เพลงกล่อมธีร์ของป๊านั่นเอง ให้ทายกันคงทายกันไม่ถูกว่าป๊าของธีร์กล่อมธีร์นอนด้วยเพลงอะไร...แต่น แตน แต๊นนนนน เพลงปอปผีฟ้า เพลงกระสือ และเพลงกระหัง (แต่งเอง ไม่สามารถเล่าสู่กันฟังได้เพราะค่อนข้างอุบาทว์)

ป๊าเคยเปรยกับหม่าม้าว่า ธีร์โตขึ้นคงเป็นเด็กกวนตีนน่าดู คำตอบของหม่าม้าก็คือ ธีร์ก็คงกวนตีนชาวบ้านได้เท่ากับความกวนของป๊า+ความกวนของหม่าม้า ป๊าไม่ตอบอะไร แต่ทำหน้าสยองแทน....
ชี้ๆ ธีร์ชี้ หม่าม้าชี้
Thee points/Mama points!
Normally, Mama is the one who do everything for and with Thee. Putting Thee to bed at 8.00pm always goes like this. We will start with cleaning up: teeth, hands and change diaper. Reading is another activity that we do together everyday before going to bed.

Today is the first day that Papa tried to put Thee to bed. Mama cleaned Thee up and then Papa read books. In the mean time, Mama went to take the shower.

Mama came out of the shower and found that Thee still awake. Papa said he read all the books given and felt sleepy himself. Papa was a little bit excited to know that Thee will give out his hand when we read the book to the part that said "two pumpkins dance hand in hand" or put his hands together to do the wai (Thai's way of greeting) when we read the words "sawaddee (hello/good-bye)" or "kob khun (thank you)".

What's made Mama "excited" is the songs that Papa used to sing for Thee! He sang creepy songs from Thai old drama! Such a creative way to put a baby to bed, doesn't it?

Tuesday, May 22, 2007

นับแต่นี้เราขาดกัน...เหรอ?

ป๊าเค้าบอกให้อัพบล๊อกเรื่องที่จะเขียนนี่แหละ... ซึ่งหม่าม้าก็ตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าจะอัพบล๊อกเรื่องเดียวกันนี้อยู่ (โดยไม่ต้องรอคำเสนอแนะของป๊าหรอกนะ)

เมื่อวานนี้ (21 พฤษภาคม 2550) เป็นวันสุดท้ายที่เด็กชายธีร์ได้กินนมแม่ (ในขวด) อย่างที่เกริ่นกันมานานแรมเดือนว่า หม่าม้าลดจำนวนครั้งในการปั๊มนมลงแล้วเหลือวันละสองครั้ง เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง หม่าม้าถึงใจกล้าเริ่มปั๊มแค่ครั้งเดียว และในที่สุด เมื่อวานนี้เอง นมที่ปั๊มครึ่งชั่วโมงก็ได้ปริมาณไม่ถึง 50 ซีซี นั่นก็หมายความว่าหม่าม้าเริ่มเลิกเป็นผู้ผลิตฯ ได้แล้ว

วันนี้เป็นวันแรกที่หม่าม้าเลิกปั๊มนม ซึ่งป๊าก็เรียกมันว่า "พิธีตัดลูกตัดแม่" ฟังดูโหดเหี้ยมและทารุณ จริงๆ หม่าม้าก็ไม่ได้รู้สึกดีเลยที่ไม่มีนมให้ธีร์กินแล้ว แต่อีกใจก็คิดว่าทุกวันนี้ ธีร์ก็กินอาหารสารพัดสารพันได้เป็นปริมาณมากโขอยู่ ไม่มีนมแม่ ธีร์คงไม่อดตาย นับเวลาการกินนมแม่ของธีร์ได้ 1 ปี 2 เดือน 10 วันพอดิบพอดี

ธีร์ครับ ถึงแม้ว่าจะไม่มีนมแม่ แต่เราก็ยังคงอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา เรายังเป็นแม่ลูกกันอยู่ครับ อย่าไปเชื่อป๊าเค้า

เปลี่ยนเรื่องกันดีกว่า เคยเล่าแล้วใช่มั้ยว่าธีร์มีท่า "ตกใจ" ด้วยการเอามือสองข้างกุมพุงเป็นแม่นมั่น วันนี้หม่าม้าค้นพบว่าความจริงอีกข้อ หลังจากอ่านหนังสือเด็กเรื่อง "ขอบคุณ ขอบคุณ" ให้ธีร์ฟัง สองหน้าสุดท้ายจะมีประโยคที่ว่า "...เรื่องราววันนี้ หมีแสนภูมิใจ..." กับ "ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณคราใด คนฟังชื่นใจ..." ซึ่งเมื่ออ่านคำว่า ภูมิใจ กับ ชื่นใจ ธีร์ก็จะเอามือสองข้างจับพุง ดังนั้น คำว่า "ใจ" เลยเป็น keyword กับท่าจับพุงนะ...ทุกท่านโปรดแซ่บ


Mama decided to stop the breastmilk farm today, after doing it for 1 year 2 months and 10 days. There are two reasons. Thee can now eat so many things so he won't strave for sure. And after decreased to one pump/day, the milk supply is very low not even enough for one feed. Mama isn't so happy about this but...it just appropriate (in Mama's own idea!).

Without breastmilk, we still be mother and son...eventhough the bond is invisible but it runs in both of our veins!!@

ขี้เหงา

ธีร์เป็นเด็กขี้เหงาแบบมีเวล่ำเวลามาก เวลาที่ธีร์มักจะขี้เหงาก็คือ ตอนเช้ากับตอนกลางคืน

ตอนเช้า ถ้าธีร์ตื่นแล้ว คนทางด้านขวามือของธีร์ (ซึ่งก็คือหม่าม้านั่นเอง) จะต้องตื่นด้วย ถ้าธีร์ตื่นแล้วหม่าม้ายังไม่ตื่น ธีร์ก็จะทำวิธีใดวิธีหนึ่งดังนี้
1. ทุ่มสุดตัว ด้วยการโถมทั้งตัวของธีร์ ปัจจุบันน้ำหนักน่าจะอยู่ที่ 11.7 กิโลกรัม พุ่งเข้าใส่หม้าม้ากลางลำตัว เป็นการปลุกแบบโหด
2. ถ้าธีร์ไม่ปลุกแบบโหด ก็อาจจะปลุกแบบเบาๆ ด้วยการ "จิ้ม" นิ้วเล็กๆ ของธีร์เป็นอุปกรณ์หลักในการนี้ ถ้าไม่จิ้มตา (ประมาณว่าเปิดตาขึ้นมาสิจ๊ะม้า) ก็จะจิ้มปาก (จิ้มทำไมเนี่ย)

ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งข้างบนนี่แหละ หม่าม้าที่หลับๆ อยู่ก็ต้องลืมตางัวเงียๆ ขึ้นมายิ้มให้กับธีร์ และธีร์ก็จะยิ้มหวานให้เป็นการต้อนรับวันใหม่ของหม่าม้า แล้วธีร์ก็จะต้องตะเกียดตะกายข้ามตัวหม่าม้าเพื่อจะลงไปเล่นที่พื้น...ทุกวัน

ส่วนตอนกลางคืน หลังจากที่พาธีร์เข้านอนแล้ว ทุกครั้งธีร์จะต้องตื่นขึ้นมาหลังจากนอนไปได้ซักพัก ตื่นมาเช็คว่าหม่าม้าหนีธีร์ไปรึเปล่า...ซึ่งหม่าม้ามักจะต้องหนีไปปั๊มนมทุกทีสิน่า ธีร์ก็จะต้องร้องไห้ร้องห่มเสียงดังอยู่นานมาก กว่าจะปลอบกันได้สงบ หลังๆ อาการเริ่มหนัก นอนไปได้ 5 นาทีก็ต้องลืมตามาเช็คว่าหม่าม้ายังอยู่ข้างตัวรึเปล่า สร้างความลำบากยามค่ำคืนให้ทั้งป๊าและม้ายิ่งนัก ป๊าต้องกระโจนแผลวๆ ขึ้นไปตามบันได ไปโอบอุ้ม (ปลุก)ปลอบประโลมธีร์ และมักจะจบด้วยการพาลงมาข้างล่าง นั่งเล่นด้วยกันจนกว่าม้าจะปั๊มนมเสร็จแล้วพาธีร์กลับขึ้นไปนอนต่อ ล่าสุด หม่าม้าแก้ไขด้วยการเอาตุ๊กตาหมีพูห์หัวโตไปวางไว้ ทำทีเหมือนมีคนนอนอยู่ที่หมอน ไม่รู้ว่ามุขนี้จะหลอกเด็กชายธีร์ของเราได้หรือไม่ ต้องติดตามชมกันต่อไป Two times a day that Thee is lonely. Early morning and late night!

In the morning, normally, Thee wakes up around 06.30-07.30 hrs. The person on his right hand side which always be Mama must wake up with either of the following ways:
1. Super cruel throw: Thee will throw all of himself which must be around 11.7 kg. by now to Mama's body.
2. Soft wake up: point his little index finger in Mama's eye or mouth and try to open either one. Everyday, either way, Mama must wake up to play with Thee.

At night, when Thee already went to bed, Mama has to pump the breast milk for Thee. Thee always wakes up and cries out very lound and ends up with open eyes waiting for Mama to finish the pump and go back to bed together. Tonight, Mama tries the new trick by putting a Pooh bear on the pillow...made it looks like Mama is sleeping beside Thee. Have to wait and see whether this works or not!!!

Wednesday, May 16, 2007

พฤติกรรม

ช่วงนี้ธีร์มีพฤติกรรมชวนประหลาดใจอยู่หลายเรื่อง เล่าให้น้าบีฟังทาง msn ไปแล้วเห็นว่าขำ เลยเอามาเล่าเผื่อคนอื่นจะขำกันบ้าง คลายเครียด (รึเปล่า) อย่างที่รู้กันว่าธีร์ยังเดินเองไม่ได้ ถึงกระนั้นก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัดในการท่องเที่ยวสำรวจบ้านของธีร์ หลังๆ มานี่ นอกจากจะคลานไปทั่วๆ แล้ว บางครั้งที่คลานหนีไปจากหม่าม้า ธีร์ยังรู้จักมีสัมมาคารวะ ไปลามาไหว้โดยการหันมาบ๊ายบายหม่าม้าอีกต่างหาก ก็ไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วธีร์บ๊ายบายหรืออยากจะบอกหม่าม้าว่า...ไม่ต้องตามธีร์มานะครับ อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว...

บางทีธีร์ก็เกาะเฟอร์นิเจอร์เดินไต่ไปรอบๆ ช่วงไหนที่หม่าม้าจูงมือธีร์เดินไปไกลๆ หน่อย บางครั้งธีร์ก็จะพูดว่า "เกี๊ยะ เกี๊ยะ" เป็นภาษาแต้จิ๋วแปลว่า "เดิน" นั่นแหละ (ถ้าได้ยินจริงๆ ต้องตั้งใจฟังนิดนึง มันไม่ชัดขนาดที่เราๆ พูดกันเองหรอก)

การพูดของธีร์ก็พัฒนาขึ้น ตอนนี้คำที่ธีร์พูดชัดที่สุดคือคำว่า "ไม่เอา" กับคำว่า "เอามา" ทั้งๆ ที่เวลาถามธีร์ว่ากินมั้ย เอามั้ย ธีร์จะพูดว่า ไม่เอา และส่ายหน้าประกอบ แต่พอยื่นของกินไปให้จริงๆ ธีร์อ้าปากงับ กินโดยดีซะนี่ ไม่รู้ว่าสับสนชีวิตอยู่รึเปล่า ส่วนคำว่าหม่าม้า ปะป๊าน่ะเหรอ...รอเผลอๆ อาจจะพูด ใครบอกกันนะว่าเด็กๆ จะเรียกแม่เป็นคำแรก ไม่จริ๊ง ไม่จริง

เรื่องเลียนแบบธีร์ก็ไม่น้อยหน้าใคร คอมพิวเตอร์นี่แหละตัวอย่างที่เห็นชัดๆ คงเห็นหม่าม้ากะป๊าไปนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์พิมพ์อะไรก๊อกแก๊กๆ บ่อยๆ ธีร์คลานไปโน่นมานี่ พอเห็นโต๊ะคอมพิวเตอร์ก็จะคลานไปที่เก้าอี้ เกาะเก้าอี้ยืน แล้วก็ระรัวนิ้วทั้งหมดเข้าไปพิมพ์ที่คีย์บอร์ดอย่างเมามัน ถ้าจับนั่งด้วยกันก็จะต้องมีการแย่งชิงเมาส์กันด้วย...น่าหมั่นไส้มาก น้าบีว่าโตขึ้นธีร์ควรไปเป็น IT Engineer ให้รู้แล้วรู้รอดไป หม่าม้าว่าเอาให้เดินได้ก่อนจะดีกว่ามั้ง อันนั้นมันยังอีกยาวไกลนัก

แผ่นดินไหว โทรไปหาน้าบีซิ อยู่บนตึกสูง มันสั่นมะ บ้านเราเตี้ยติดดิน ไม่รู้สึกอะไรเลย
Earthquaked in Thailand, call Auntie Be to check whether the building shook? Thee was at ground floor, didn't feel a thing!

ยกหูๆ โทรๆ
Dialling

อ้าว! ลืมไป น้าบีอยู่แมวเบิ้นนี่หว่า จะไปรู้ได้ไง เขินๆ
Oops! Auntie Be is in Melbourne...not in Bangkok : p
กัดสายโทรศัพท์แก้เขินซักกะหน่อย ก็อร่อยดีแฮะ
Yummy!

Even though Thee still cannot walk, that cannot hinder him from going around seeing what is all around in the house. Sometime when Thee crawls away from Mama...he just turns and waves. Mama just isn't sure whether that should means goodbye or don't you dare follow me!

Thee can say "Mai Aow (no, I don't want in Thai)" and "Aow Ma (Give it to me, again in Thai)" very clear comparing to the other words. Who said that the first word that baby can say is Mama!!!

Thee can also imitate well. Probably as a result of observing Mama and Papa who always sit in front of the computer typing this and that on the keyboard together with the use of mouse. When Thee comes around the computer desk...He will go directly to the chair, stand up and put two little hands of his on the keyboard trying to type something. Auntie Be said that Thee should grow up to be IT Engineer but Mama thinks that is very far away future...Thee better start walking on his own soon! Too heavy to carry lah!

Monday, May 14, 2007

เลี้ยงลูกยังไงฮึ

เดี๋ยวนี้เราเริ่มจะเป็นการอัพบล๊อกรายอาทิตย์กันซะแล้ว

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ธีร์ทำหลายออย่าง ตั้งแต่ไปเล่นกับพี่พลอยและพี่หยกที่โพธาราม (ไปดูรูปพี่พลอยกะพี่หยกได้ในบล๊อกของเฮียปรานต์) ไปทำบุญบ้านที่โพธาราม งานนี้หลายคนเห็นเด็กชายวัยหนึ่งขวบพนมมือฟังพระสวด พร้อมกับขยับก้นยึกยักตามทำนองการสวด....นายแน่มาก ทำไปด้ายยยยย

จากนั้น วันพฤหัสฯ ก็ถึงคิวที่ธีร์ต้องไปหาป้าหมอวรีรัตน์อีกรอบ คราวนี้ฉีดวัคซีนสุกใส ฉีดแล้วไม่มีไข้ในภายหลังด้วย ค่าวัคซีนก็แพงเหมือนกัน พันกว่าบาท ป้องกันได้ 95% แล้วก็ต้องฉีดกระตุ้นอีกทีตอนก่อนอายุครบ 5 ขวบ ตอนแรกหม่าม้าก็สงสัยว่าจริงๆ แล้วต้องฉีดด้วยเหรอ เด็กๆ คนไหนก็เป็นสุกใสได้นี่นา แต่พอไปปรึกษาอึ้มจินของธีร์ถึงได้รู้ว่าเด็กเดี๋ยวนี้เค้าฉีดกันเกือบทุกคนนั่นแหละ

กู๋คิมเล่าให้ฟังด้วยความภาคภูมิใจว่า กู๋คิมนี่เองที่เป็นคนเอาเชื้อโรคสุกใสมาแพร่ในบ้านเรา ไปติดเพื่อนมา ยังเล่าอีกนะว่า ไปหาคุณพยาบาลที่ห้องพยาบาลที่โรงเรียนแล้ว คุณพยาบาลบอกว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องมาโรงเรียนแล้วนะคะ....ดูซิ มาแพร่เชื้อที่บ้าน หม่าม้าเป็นตอนนั้นอยู่ ม.3 สี่คนพี่น้องเป็นกันยกบ้าน ทุกวันนี้ยังมีแผลบนใบหน้าไว้เตือนใจกันคนละแผลสองแผลว่าเป็นกันแล้ว

ไปที่โรงพยาบาล ที่ต้องทำประจำก็คือ ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง แล้วก็รอบหัว ธีร์หนัก 11.6 กิโลกรัม ตามที่คุณพยาบาลลงไว้ แต่ที่หม่าม้าเห็นก็คือน้ำหนักมัน 11.69 บ้าง 11.70 บ้าง ไหงคุณพยาบาลจดว่า 11.6 หว่า ส่วนสูงของธีร์ตอนนี้ก็ 78 ซม. รอบหัวก็ 49 ซม. เดี๋ยวนี้อ้วนชักรู้มาก พอเจอที่ชั่งน้ำหนักก็จะไม่ยอมนั่ง งอแง ที่เด็ดสุดก็คือ พอจำได้ว่าหูฟังคุณหมอที่มีตุ๊กตาสีส้มๆ ติดเอาไว้เพื่อหลอกล่อเด็กเนี่ยเมื่อไหร่ ธีร์จะต้องมีการเจ็บตัวกันบ้าง ไม่ทางใดทางหนึ่งนี่แหละ แต่ข้อดีของธีร์ก็คือ เวลาถูกฉีดยาแล้ว ธีร์ก็ร้องแค่ตอนถูกฉีด พอฉีดเสร็จก็ไม่งอแงต่อ เด็กบางคนที่หม่าม้าเห็น มีอาการน้ำหูน้ำตาไหลพรากต่อเนื่องตอนเดินออกจาห้องไปแล้ว

คุณหมอเล่าว่า ตอนคุณหมอไปประชุมที่เมืองนอก เห็นฝรั่งเลี้ยงลูกแล้วไม่เหมือนคนไทย ลูกฝรั่งที่หมอเห็น เวลาหกล้มหกลุกไป แม่ก็จะดึงตัวขึ้นมาปัดๆ นิดหน่อยแล้วก็ไปได้ ไปเล่นต่อ ถ้าเป็นลูกคนไทยก็ต้องมีการอุ้มขึ้นมาโอ๋ๆ กันยกนึง หม่าม้าเลยมาคิดว่าตัวเองเป็นไง...ก็ไม่ได้โอ๋ๆ กันทุกคราวนอกจากเจ็บจริง ถ้าล้ม พลาดกันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นให้ธีร์ลุกขึ้นมาเล่นใหม่เอง ธีร์ก็เลยไม่ค่อยขี้แยเท่าไหร่...แต่ขี้โวยวาย ขี้หงุดหงิดแทน คริ คริ คริ


Our update turns to be weekly instead of whatever seems suit!?!

Last week, Thee went to play with P'Ploy and P'Yok (Thee's cousins from Chaiyapoom - see their photos in allaboutpran.blogspot.com). On Wednesday, there was a merit-making at Photaram house. We saw Thee moved his buttocks by the sound of the monks pray!! What's an amazing scene!

Thursday, Thee went to the hospital for chicken pox vaccine. Nowsday, a lot of kids in this generation had this vaccine. Its protection rate is around 95% (according to the doctor)...we have to re-activate it again before the age of five.

Thee weight is 11.6-11.7 kg., 78 cm high and around forehead is 49 cm. And still cannot walk on his own. The doctor mentioned about how different Thais and foreigners raise up the kids. If the child falls, Thais will rush over, carry the kid up and try to soothe him/her. Foreigners will just pull the kid up and brush off some dirt then the child can go off to play again. This makes Mama to think which way that Mama uses to raise Thee...combination of both depending on how hurt Thee is. It must be the reason why Thee isn't "always cry" baby but loud and cranky instead!!!

Sunday, May 06, 2007

รูปแรกในชีวิต

หม่าม้าเพิ่งนึกออกว่าตัวเองมีโครงการจะทำสมุดเก็บรวบรวมหลักฐานชีวิตของธีร์เอาไว้ เช่น ป้ายชื่อของธีร์ ที่คุณพยาบาลผูกข้อมือไว้ตอนอยู่โรงพยาบาล ผมที่ถูกตัดครั้งแรก สะดือ (อันนี้น่าสงสัยว่าโตขึ้นธีร์จะทายได้มั้ยว่ามันคืออะไร) สมุดบันทึกที่เขียนไว้ระหว่างตั้งครรภ์ และบันทึกช่วงที่ธีร์กำลังจะคลอด และคลอดออกมาแล้ว หรือแม้แต่ใบเสร็จค่าคลอดของธีร์ (อันนี้ยังหาไม่เจอ 555) ค้นไปค้นมาก็เจอรูปแรกในชีวิตธีร์เข้า เอามาแบ่งกันดู


รูปนี้ได้มาหลังจากหม่าม้ารู้ตัวเป็นที่แน่แท้แล้วว่าตัวเองท้องแน่ๆ แม้ว่าจะมีเลือดออกในช่วงแรก ทำให้คิดไปว่าไม่น่าจะท้องได้ ไปเล่าอาการให้คุณหมอสมหมาย คุณหมอที่ทำคลอดหม่าม้าออกมากะมือเหมือนกันฟัง คุณหมอก็สั่งอัลตราซาวน์ดูว่าเด็กในพุงใหญ่ๆ ของหม่าม้ายังมีหัวใจเต้นตุ้บตั้บๆ อยู่หรือไม่

ในจอของหมอ หม่าม้ากะป๊าเห็นเป็นก้อนยาวๆ (ตรงกลางรูปในส่วนที่อยู่ในกล้วยหอมสีดำๆ หรือจริงๆ ก็คือ ถุงน้ำคร่ำน่ะ ที่มีลูกศรชี้ว่า fetus นั่นแหละ) ตรงกลางก้อนยาวๆ มีแสงกระพริบๆ ซึ่งหมอบอกว่านั่นคือหัวใจ...ช่างเป็นรูปที่ เอิ่มมมม ดูน่าสนใจเห็นรายละเอียดว่าเป็นธีร์ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ดูน่ารักน่าใคร่เหมือนธีร์ในปัจจุบันมั่กๆ 555

จนถึงวันนี้ รูปนี้ก็ถ่ายมาได้ หนึ่งปีแปดเดือน เจ้าก้อนยาวๆ ในรูปกลายร่างมาเป็นหมูชมพูอ้วนท้วนน่าจับไปชั่งกิโลฯ ขายยิ่งนัก นับวันธีร์ก็เริ่มมีพฤติกรรมกระแดะๆ มากยิ่งขึ้น เช่น การปิดปากไอ ที่ไม่รู้ไปเลียนแบบใครที่ไหนมา ดูเป็นราชนิกูลยิ่งนัก หรือไม่ก็ทำท่า "อุ้ย!ตกใจ ตกใจ" ได้ โดยการเอามือตบช่วงพุงป่องๆ ถ้าหากใครพูดว่า อุ้ย!ตกใจ ให้ได้ยิน เป็นต้น

นี่หม่าม้าก็รอๆ อยู่ ไม่รู้เมื่อไหร่ธีร์ถึงจะทำท่าขยันอยากจะหัดเดิน กะขยันอยากจะนอนซักที อี๊โมเค้าสอนธีร์ไว้ว่า เป็นเด็กๆ ให้รีบๆ นอนให้เยอะๆ เพราะโตขึ้นอยากนอนแล้วจะได้นอนไม่พอเท่าที่อยากนะธีร์....หุ หุ หุ

Thee's first photo...Thee is the grey spot in the middle where there is an arrow said "fetus". Mama just found this when tried to organise a scrapbook for Thee.

Wednesday, May 02, 2007

เท้า และการเดิน

เมื่อวันสองวันก่อนคุยกับน้าบีใน msn น้าบีถามถึงเรื่องเท้า เลยนึกได้ว่ายังไม่ได้เล่าอะไรอีกตั้งเยอะแยะ

เรื่องเท้า เมื่อสองอาทิตย์ก่อนธีร์ไปหาคุณหมอเท้ามาอีกแล้ว คุณหมอว่าเท้าซ้ายหายแล้ว แต่เท้าขวายังเป็นอยู่ คุณหมอแนะนำให้ไปตัดรองเท้าที่ศิริราช ซึ่งเราก็ไปกันมาแล้ว รองเท้าที่ธีร์จะใส่ก็มีหน้าตาเหมือนรองเท้าคนปกติทั่วไป แต่...สลับซ้ายขวากับคนอื่น ภาษาหมอเค้าเรียก reverse last อีกเดือนนึงกว่าจะได้รองเท้า เพราะเค้าจะตัดให้นักเรียนก่อน ของธีร์จำเป็นน้อยกว่าเก๊าะรอไปก่อน ได้มาแล้วไม่รู้อ้วนจะยอมใส่รึเปล่า...สงสัยต้องพาไปเที่ยวจะได้ยอม คริ คริ คริ


ช่วงพักหลังนี้หม่าม้าไม่ค่อยมีเวลามานั่ง chill chill หน้าคอมพิวเตอร์บ่อยนัก เพราะว่ายักย้ายถ่ายเทเอาธีร์ขึ้นไปนอนบนห้อง ต้องไปเฝ้าเอาไว้ เพราะเวลาธีร์ตื่นมาแล้วไม่เห็นใครมักจะกลัว (มั้ง) แล้วร้องไห้ไม่ยอมหยุด บางครั้งธีร์ก็นอนนาน บางครั้งก็แป๊บนึง ยังง่วงแต่ก็ตื่นมาแล้วไม่ยอมนอนอีก

บล๊อกเรื่องนี้นับว่าเป็นบล๊อกที่ใช้เวลาเขียนนานที่สุดตั้งแต่ทำมาทั้งหมด เริ่มเขียนตั้งแต่วันที่ 2 วันนี้วันที่ 4 แล้วเพิ่งจะมีโอกาสมาเพิ่มเติม...ทำไมเวลาของหม่าม้าหายไปไหนหมดนะเนี่ยยยย

เมื่อวานนี้ธีร์ยอมให้จูงมือข้างนึงแล้วเดินโซซัดโซเซแล้ว หลังจากที่วันก่อนเดินในที่แคบให้หม่าม้ากะป๊าดูเป็นขวัญตาไป 3 ก้าวถ้วน ธีร์ยืนได้นานเหมือนกัน ยืนเองไม่ต้องจับ และเริ่มมั่นใจในการยืนของตัวเองมากขึ้น แต่ยังไง๊ ยังไงก็ไม่ยอมยืน หรือเดินเอง ถ้ายืนได้ เรียกให้ไปไหนก็จะนั่งลงคลานไป ไม่ยอมเดินท่าเดียว เดินซักหน่อยก็จะนั่งแปะลงพื้นไป ขี้เกียจมาก หรือน้ำหนักมากไม่อยากเดินก็ไม่รู้


The other day, Mama had a chance to chat with Auntie Be via msn. She asked about Thee's feet. That reminded Mama to update it on this blog.

We went to see the doctor 2 weeks ago. The doctor said Thee's left foot seems fine now but the right foot still not ok. He recommended us to made a pair of shoes. Thee's shoe will be the same with our shoes but...our right shoe will be Thee's left! This kind of shoes called "Reverse Last". We have to wait another month to get the shoes though.

Recently, Mama doesn't have much time to sit around computer and update the blog. Mama takes Thee to nap upstair and has to stay around to comfort Thee, in any case that he wakes up! What's a life!!!

Thee can stand on his own for a while. Yesterday he allowed Mama to hold his hand and take him walk around. It didn't last long though. Mama just is not sure whether Thee is very lazy little boy or a very heavy boy...or both!!!