Tuesday, December 30, 2008

สวัสดีปีใหม่...ใหม่....ใหม่...ใหม่

30 ธันวาคม 2551...พรุ่งนี้ก็สิ้นปีซะแล้ว ปีนึงๆ ผ่านกันไปแว้บๆ ไม่ทันตั้งตัว หรือว่าไร้สติอยู่ตลอดปี อันนี้หม่าม้าไม่แน่ใจตัวเอง

ช่วงนี้ป๊ากะหม่า้ม้าก็เคร่งเครียดกับการหาโรงเรียนอนุบาลให้ธีร์ เนื่องจากโรงเรียนเป้าหมายของเราจะไม่รับธีร์เข้าเรียน เกิดช้าไป 3 เดือน (โรงเรียนนับตามปีปฏิทิน ธีร์จะเข้าเกณฑ์อายุได้ก็ปีหน้า) พอรู้เข้า เราก็เป๋กันไปเป๋กันมา สับสนๆ จะส่งไปโรงเรียนไหนดีหว่า ก็คงยังสับสนต่อไปจนถึงเดือนหน้า...แปลว่า จนกว่าธีร์จะมีโรงเรียนอนุบาลเรียนนั่นแหละ

ปีที่ผ่านมา พัฒนาการของธีร์ก็ดีขึ้นตามวัย พูดเก่งขึ้นมาก พูดจารู้เรื่อง สามารถยิงมุขของตัวเองได้ด้วย (อย่าดูถูกเด็กเล็ก!) หลังจากไปโรงเรียนตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา ธีร์ก็ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น อยากทำอะไรๆ ด้วยตัวเอง และทำได้ดีขึ้นด้วย ไปเข้าห้องน้ำได้ทันเวลามากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นไปเข้าห้องน้ำได้ด้วยตัวเองก็ตาม และถ้าตั้งใจ ธีร์ก็ไหว้ได้อย่างสวยงาม พูดจารู้เรื่อง แต่ยังคงเอาแต่ใจตัวเอง กรี๊ดกร๊าด อี๊บีบอกว่าธีร์ประสบความสำเร็จในการเป็น executive director ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 3 ขวบ และมีอำนาจการต่อรองสูงมากด้วย 555

สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด ธีร์ยังคงต้องการแปลงร่างเป็นเอเลี่ยนเพื่อปกป้องโลก...เหมือนอย่างเบนเทนต่อไป พูดถึงเบนเทนแล้วก็ต้องอัพเดตกันซักหน่อย คุณชายเค้ามีนาฬิกาแปลงร่างแล้ว อี๊บีสุดที่เลิฟไปคุ้ยกระบะที่คลองถมได้มา 2 เรือนในสนนราคาเรือนละ 20 บาท ธีร์ชอบมาก ใส่ติดมือไว้ตลอดเวลา เมื่อวานใส่ไปโรงเรียนด้วย โชคดีที่ไม่ทำหายไปเหมือนโทรศัพท์หมีพูห์ (ที่หายไปแล้ว) วันนี้ถูกยึดเอาไว้ เกรงว่าจะหายไปอีกแล้วหม่าม้าจะปวดหูด้วยเสียงร้องอันโหยหวนของเอเลี่ยนตัวเล็ก

ปีใหม่ที่กำลังใกล้จะมาถึงนี้ หม่าม้า ป๊า แล้วก็ธีร์ก็ขอให้อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาลให้ทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านบล๊อกของธีร์ มีสุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้า และมีกำลังกาย กำลังใจต่อสู้กับชีวิต(ที่อาจจะโหดร้าย) ในปี 2552 ที่จะมาถึงกันต่อไป 

Monday, December 22, 2008

ตัดผม

การเป็นเด็กๆ นี่ก็สนุกดีเหมือนกันเนาะ...ไม่รู้เด็กๆ จะรู้สึกสนุกด้วยรึเปล่า แต่สำหรับหม่าม้า การเป็นเด็กๆ นี่สนุกตรงที่ทำอะไรๆ ก็เป็นครั้งแรกเสมอ

อย่างเช่นการตัดผมนี่ไง ตลอด 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา หม่าม้าเป็นคนตัดผมให้ธีร์ตลอด ได้ทรง "เหวิ่งๆ" ตามคำของเฮียปรานต์มาแล้วตั้งหลายรอบ ในที่สุด ธีร์ก็ได้เข้าร้านตัดผมเป็นครั้งแรก (ซะที)

ธีร์ไปตัดผมที่ร้านตัดผมบ้านๆ ตรงตลาดที่บ้านสายสี่มาเมื่อวันเสาร์....ค่าตัดผม 20 บาท (ถูกจนน่าตกใจ!!!)

ตอนแรกทุกคนก็คิดว่าธีร์จะต้องไม่ยอมไปตัดผมแน่ๆ ธีร์เคยร้องไม่ไปตัดผมที่ร้านมาแล้วด้วยเหตุผลที่ว่า "คุณลุงตัดผมเจ็บ" ทั้งๆ ที่ธีร์ไม่เคยไปตัดผมที่ร้านซักที 

คราวนี้ธีร์ยอมไปแต่โดยดีเพราะหม่าม้าบอกธีร์ว่า ผมยาวแล้วไปตัดเถอะ ไปตัดผมทรง "เบนเทน" กัน 

งงกันใช่มั้ยล่ะ ช่วงนี้ธีร์เค้าได้ไปดูการ์ตูนเรื่องเบนเทนมา กลายเป็นว่าธีร์อยากเป็นเบนเทนไปซะงั้น อยากเป็นเด็กที่แปลงร่างเป็นเอเลี่ยนได้ 10 ตัว จริงๆ หม่าม้าก็ไม่ได้อยากให้ดูการ์ตูนต่อสู้ทำลายล้างแบบนี้ แต่ธีร์ก็นั่งดูอยู่กะเฮียปรานต์แล้วก็ชอบไปซะงั้น ถึงขนาดไปหานาฬิกามาใส่แล้วก็ตบๆ ที่นาฬิการทำท่าแปลงร่างเป็นเอเลี่ยนได้ด้วยนะเอออ 

อี๊บีเห็นธีร์ชื่นชอบเบนเทนมาก ลงทุนไปเสาะหาอยากเห็นหน้าตานาิฬิกาของเบนเทน ไปถามหาที่แผนกของเล่นเด็กในห้าง ตอนแรกคิดว่าคนขายจะไม่รู้จัก แต่ได้รับคำตอบมาว่า "ของหมดครับพี่ จะเข้ามาอีกทีเดือนกุมภาฯ โน่น" ไงล่ะ สรุปมันเป็นที่ชื่นชอบในหมู่เด็กๆ ด้วยวุ้ย (แต่ทุกคนไม่ต้องสรรหามาให้ธีร์นะครับ หม่าม้าไม่สนับสนุน และถ้าได้มาจะเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิด!!! บอกไว้ก่อน)

ธีร์อยากเป็นเบนเทนมากถึงกับออกปากกะหม่าม้าว่า "หม่าม้าจะพาธีร์ไปตัดผมทรงเบนเทนรึยังล่ะ" 555

ตื่นนอนตอนบ่าย อี๊บีแบกธีร์ขึ้นหลัง ถามก่อนออกจากบ้านว่า "ตัดทรงอะไรก็ได้ใช่ป่ะ" ถามกันงี้ หม่าม้าก็เลยขี่จักรยานตามไปประกบ ป้องกันอันตรายต่อหัวธีร์...นอกจากนี้เรายังมีแผนสอง เอาไอพอดใส่การ์ตูนไปด้วย เผื่อธีร์งอแงจะได้เอาการ์ตูนให้ดูจะได้นั่งเฉยๆ 

ก่อนลงมือตัด หม่าม้าบอกคุณลุงที่ร้านไปว่า เอากรรไกรซอยก่อนก็พอ อย่าเพิ่งไถปรื้ดๆ เลยค่ะ เดี๋ยวเค้ากลัว คุณลุงเห็นธีร์ร้องไม่ยอมนั่ง จนหม่าม้าต้องนั่งด้วยอยู่ข้างหน้าก็ออกปากว่า "ท่าจะยากซะล่ะมั้ง" 

ที่ไหนได้ คุณลุงตัดผมด้วยความรวดเร็วมาก ตัดด้วยสปีดที่หม่าม้าทำไม่ได้ 555 ตัดไปซักพัก ม่าก็เดินตามมาลุ้นอีกราย สงสัยไม่ไว้ใจหม่าม้ากะอี๊บี ตัดไปทุกคนก็บอกธีร์ไปว่า นั่งเฉยๆ นะ หันซ้าย หันขวา โหยเหมือนเบนเทนซะแล้ว เหมือนมากเลย ธีร์ผู้ซึ่งบ้ายอมาแต่ไหนแต่ไรก็นั่งนิ่ง ยอมให้คุณลุงตัดผมแต่โดยดี...เป็นงั้นไป

ผมทรงนี้วันต่อๆ มาหลังจากสระแล้ว ธีร์ก็มีสภาพเป็นกุ๊กไ่ก่ตามคำของม่าสายสี่ และเป็นนกแซงแซวตามคำของม่าหนองดินแดง...เพราะผมด้านบนสั้นมาก นอนๆ ไปผมก็จะตั้งขึ้นมา ไม่ต่างกับทรงผมตอนเป็นเบบี๋เลย...

นี่ไงล่ะ ผมทรงนกแซงแซวกะทรงกุ๊กไก่ 555

Friday, December 19, 2008

เชียงรายม้วนจบ

ตื่นเช้ามา ธีร์ทำอะไร....
หลังจากที่ตอนกลางคืนนอนดิ้นไปฝากรอยเท้าเล็กๆ ไว้บนแก้มโมอิ๊ ได้ยินเสียงร้องเจี๊ยกของโมอิ๊เข้า สลบสไลไปด้วยกลัวความผิดจะติดตัวอยู่ นอนซะไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว ตื่นมาอีกทีตอน 6 โมงเช้า เห็นว่ายังมัวซัวไม่สว่างเท่าไหร่ ธีร์ก็เลยนอนต่อไป 

กู๋คิมกะอี๊บีก็ตื่นกันแต่เช้า จะบอกว่าแต่ไก่โห่ไม่ได้ เพราะหม่าม้าได้ยินเสียงไก่ขันตอนตี 3 ครึ่ง 555 ไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นกัน สงสัยตื่นเช้าเกินจริง กู๋คิม ณ มุมมหาชนเลยหน้าตาโทรมมากกว่าปกติ (ทำรูปเล็กๆ จะได้พอดูเป็นผู้เป็นคนกะเค้าบ้าง)
อี๊บีให้การว่า หลังจากไปถ่ายรูปกะกู๋คิมแล้ว ก็ไปวิ่งรอบๆ ออกกำลังกายตอนเช้ามาหนึ่งรอบ พอถึงเวลาอาหารเช้า อี๊บีกินแหลก ดูท่าทางอดอยากมาก!
หลังจากธีร์ตื่นนอนเรียบร้อย เราสองคนแม่ลูกก็รบรากันในห้องน้ำอยู่พักนึง ผ่านช่วงเวลา "ธีร์ไม่แปรงฟัน ธีร์ไม่ล้างก้น" (หนาวนะ จะอาบน้ำเลยเหรอ...สงสารธีร์ ขนาดยืนในห้องน้ำยังเขย่งปลายเท้าเลย คิดดู๊) ธีร์ก็ไปกินอาหารเช้า เป็นหมูแฮมพันไส้กรอกจิ้มแยมสตรอเบอรี่ เมนูที่คุณชายคิดค้นเอาเอง

ไปคราวนี้โมอิ๊เค้าลืมเอาชุดนอนไป ทุกคืนเค้าจะพร้อมออกเดินทางเสมอด้วยเสื้อยืดกะกางเกงยีนส์ 555
กินอาหารเช้าเสร็จ เราก็ไปเดินที่สวนแม่ฟ้าหลวง ถ่ายรูปกับต้นไม้ ดอกไม้ ดอกไม้ แล้วก็ต้นไม้
ธีร์ก็บอกมาหลายทีว่าจะถ่ายรูปมั่งซี่ ธีร์ถ่ายมั่ง มาดูกันซิ ธีร์ถ่ายอะไรมาได้บ้าง (นี่เป็นรูปบางส่วน ถ่ายหลายๆ ที่ไม่ใช่แค่ที่สวนแม่ฟ้าหลวง)
นี่ไง บรรดารูปถ่ายฝีมือธีร์แบบคัดแล้ว
พอเดินดูสวนแม่ฟ้าหลวง ถ่ายรูปกับดอกไม้ ต้นไม้เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปชมพระตำหนักดอยตุงกันต่อ เวลาก็เกือบเที่ยง อากาศก็ร้อน เดินก็ไกล ดูหน้ากงซะก่อน
ในพระตำหนักงดถ่ายภาพ ถ่ายได้แต่บริเวณโดยรอบ เลยไม่ได้เอารูปมาใส่ไว้ เสร็จสรรพเดินกลับลงมากินอาหารเที่ยงที่ครัวดอยตุงเหมือนเดิม แต่คราวนี้รออาหารนานชะมัด ทัวร์ลง เมื่อวานเย็นคนน้อยๆ แบบนั้นปรากฎว่าทุกคนมาเที่ยวกันตอนกลางวัน ส่วนตอนเย็นก็ไปพักที่อื่นกัน ตอนเย็นๆ ที่ดอยตุงจะสงบกว่ากันมาก 

กินอาหารเที่ยงเรียบร้อยเราก็ไปไหว้พระธาตุดอยตุงกัน แล้วก็ไปดูกุหลาบพันปีกันที่ดอยช้างวูบ เอ้ย ดอยช้างมูบ...ธีร์งอแงหงุงหงิงตั้งแต่เที่ยง หลับไปในรถอีกเหมือนเดิมตั้งแต่ที่ทุกคนไปไหว้พระธาตุฯ กัน หม่าม้าคิดว่าตอนไปเดินดูกุหลาบพันปี หม่าม้ากับธีร์จะรอในรถ ม่ากลัวหม่าม้าจะไม่เห็นกุหลาบพันปี สอบถามคนขับรถว่ามีที่ทางจะเข็นรถเข็นได้บ้างก็สั่งการให้เอาธีร์ใส่รถเข็นไปเดินชมสวน....

ขอบอกว่าเป็นความคิดที่ผิดอย่างร้ายกาจ ทางเป็นบันไดขึ้นเขาลงห้วย มีที่ให้เข็นรถเข็นได้ประมาณ 10 ก้าวแล้วก็ต้องยกรถเข็นกัน...ม่า คราวนี้ไม่มีการเข็นรถเข็นชมสวน โอเค๊...รูปนี้ถ่ายมาหน้าตาทุกคนยังพอยิ้มแย้ม แต่โมอิ๊ อี๊บีและหม่าม้าคิดว่าใกล้ตายแล้วเฟ้ยยยย เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน แบกรถเข็นเนี่ย ส่วนกู๋คิมสมัครใจแบกกล้องต่อไป หลังๆ คงสงสารคิดว่าอี 3 ตัวนี้ตายแน่ ให้อี๊บีถือกล้อง ส่วนโมอิ๊กะหม่าม้ายกรถกันต่อปาย
ที่เจ็บปวดมากไปกว่านั้นคือ เมื่อเดินดูดอกไม้แบบเหนื่อยหอบกันเสร็จสรรพ ถึงรถ ธีร์ก็ตื่นขึ้นมาทันที เวลกัมจริงๆ

จบจากนี้ก็ไม่มีอะไร เราก็ไปดูเอาท์เล็ตของสินค้าดอยตุงกัน เข้าเมืองไปซื้อของฝาก แล้วก็ขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน

ทริปนี้ก็ต้องขอบคุณกงและม่า สปอนเซอร์หลักอย่างเป็นทางการของลูกๆ และหลานธีร์  
นอกจากนี้ยังต้องขอบคุณทุกๆ คนโดยเฉพาะอี๊บีที่ช่วยกันโอบอุ้มธีร์เป็นระยะ (ทางอันไกลโพ้น) ฟ้องกันด้วยภาพถ่าย (โมอิ๊ไม่มีรูปถ่ายตอนอุ้มธีร์...ทำไมล่ะ ไม่ได้อุ้มธีร์เหรอโมอิ๊)
ลากันไปด้วยรูปถ่ายของเรา 2 คนแม่ลูกที่ดูเหมือนรักกันดี แต่จริงๆ แล้วมีความโหดร้ายซ่อนอยู่ด้วย 555

เชียงราย...ม้วน2

หม่าม้ากะโมอิ๊เริ่มต้นวันใหม่กันด้วยการที่ธีร์ตื่นขึ้นมาตอน 6 โมงเช้าและบอกว่า "ธีร์หิว ธีร์อยากกินไข่เจียวใส่พิซซ่า" ซึ่งเป็นผลจากการที่ตอนเย็นวันก่อน ธีร์ไม่ค่อยได้กินอะไร หม่าม้าคิดว่าธีร์ยังไม่ค่อยสบาย มีเสมหะในคอเยอะ กินมากก็ท้องอืด อาหารไม่ย่อย พาลจะแหวะออกมาอีก...เลยไม่ได้ให้กินอะไรมาก (เท่าปกติ) ตื่นเช้ามา ธีร์ว่าธีร์หิว

จัดการส่งธีร์ไปกินอาหารเช้ากะกงและม่า ปรากฎว่าคุณชายไม่ยอมกินอะไรอีกแล้ว ไข่เจียวที่ร่ำร้องว่าอยากกินก็ไม่กินซะงั้น (อาการเดียวกะแม่มันเลยแฮะ...เราเลยไม่บังคับกัน 555)

กินอาหารเช้าเสร็จ เรานั่งรถไปไม่ถึงนาทีไปดูหอฝิ่น หม่าม้าเคยอ่านหนังสือ หรือดูทีวีซักรายการ บอกว่าหอฝิ่นนี่ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับยาเสพติด โดยเฉพาะฝิ่น ที่ดีมากแห่งหนึ่งในประเทศไทย ข้างในไม่ให้ถ่ายรูป ข้างนอกก็ไม่มีอะไรให้ถ่าย เราเลยไม่มีรูปหอฝิ่นมาให้ใครดู

ข้างในหอฝิ่นแบ่งเป็นส่วนต่างๆ หลักๆ ที่จำได้ก็คือ การเพาะปลูกและสกัดยางฝิ่น การใช้ประโยชน์ฝิ่นในฐานะยาและการแพร่ขยายจากยุโรปมาสู่เอเชีย สงครามฝิ่นในจีน ฝิ่นในประเทศสยาม โทษของยาเสพติด และจบด้วยห้องคิดคำนึง ให้เราสรุปประมวลสิ่งที่เราเห็นทั้งหมด  

ในห้องคิดคำนึงนี่ก็จะมีคำคมจากนักคิด นักปราชญ์หลายๆ คนมาให้เราอ่าน มีคำคมของขงจื้อบทนึงที่หม่าม้าชอบมากถึงกับยืนจดมาด้วย ขงจื้อบอกว่า 
"เกียรติภูมิ
ที่ยิ่งใหญ่ 
ไม่ได้อยู่ที่เราไม่เคยล้ม 
แต่อยู่ที่เราลุกขึ้น
ทุกครั้งที่เราล้มต่างหาก" 

จากหอฝิ่น เราก็ไปถ่ายรูปบริเวณสามเหลี่ยมทองคำกัน ฝั่งซ้ายมือของรูปเป็นพม่า ส่วนฝั่งขวานั้นไซร้คือลาวนั่นเอง จุดที่เรายืนอยู่จะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากประเทศไทย 555
ถ่ายรูปเสร็จก็ลงมาไหว้พระองค์ใหญ่ริมน้ำโขงกัน จากนั้นก็ไปกินข้าว (อีกแล้วเหรอ) เพราะพี่คนขับรถของเราบอกว่าแถวๆ แม่สายที่เราจะไปกันไม่มีร้านอาหาร กินซะแถวนี้กันตายกันก่อนจะดีกว่า
ไหว้พระกันเรียบร้อย เราก็เดินทางไปแม่สายกัน ธีร์ที่ตื่นมาแต่เช้าก็หลับไปในรถ ระหว่างทางที่เราไปแม่สาย และข้ามไปฝั่งพม่า สมธีร์ก็หลับข้ามประเทศไม่มีตื่นมางอแง หงุดหงิดกับคนในตลาดที่คลาคล่ำไปทุกหนทุกแห่ง ตลาดฝั่งพม่ามีสินค้าเลียนแบบมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นดีวีดี วีซีดี เสื้อผ้า กระเป๋า หรือแม้แต่ไวอะกร้า!!!

เดินตลาดกันพักใหญ่ ไม่ค่อยได้อะไรนอกจากดีวีดีปริมาณมหาศาล อุดหนุนโดยกู๋คิม อี๊บี และโมอิ๊ รู้สึกกงจะได้เสื้อมาตัวนึง ม่าได้ผ้าพันคอเล็กๆ ไว้ฝากซัก 4-5 ผืน หม่าม้าได้หมวกมาหนึ่งใบ 

ตอนเดินตลาด ธีร์ถูกคลุมผ้าปิดไว้เป็นระยะ แล้วแต่องศาของแดด...ผ่านไปซื้อของร้านนึง เจ๊คนขายชาวพม่าเดินมาดูธีร์แล้วถามหม่าม้าว่า "นี่ลูกเหรอ...หน้าตาดีนะ...หน้าเหมือนพ่อเหมือนแม่มั้ย" แปลว่าอะไรฟระ!

จากนั้น ระหว่างรอกงซื้อเสื้อ อี๊บีเข็นรถเข็นที่เอาผ้าปิดธีร์ไว้โผล่แต่ขาออกมาเพราะแดดส่อง อี๊บีเล่าว่ารู้สึกเหมือนมีคนมามุงๆ หันไปดู ก็มีส.ว.หญิง 2 นางชาวไทยเป็นแน่แท้ อยากรู้อยากเห็นมาก ถือวิสาสะมาก เดินมาเปิดผ้าที่คลุมรถไว้ออก อยากดูว่าในรถเข็นมีอะไรอยู่ 

พออี๊บีเล่าให้หม่าม้าฟัง หม่าม้าปรี๊ดจี๊ดขึ้นมาทันที หงุดหงิดๆ โวยเสียงดังไปว่าเปิดดูทำไม ของตัวเองก็ไม่ใช่ ไม่มีมารยาท ทั้งที่ในใจนั้นอยากจะแว้กให้มากกว่านี้แต่สงบสติได้ก่อน (อันนี้เล่าให้ป๊าฟังแล้ว ป๊าว่าสมควรจะลด ละ เลิก อาการปรี๊ดแตก เพราะมันจะเป็นสาเหตุของการตายก่อนวัยอันควรได้ 555) มานั่งคิดดูตอนนี้ หม่าม้าก็ยังโกรธ 2 คนนั่นไม่หาย ของตัวเองก็ไม่ใช่ จะอยากรู้อยากเห็นอะไรกันขนาดนั้นนะคนเรา

ธีร์ตื่่นมาอีกทีก็ตอนขึ้นรถมุ่งหน้าออกจากแม่สายกันได้ซักพักถึงไร่สตรอเบอรี่พอดี ตื่นมาปุ๊บ ธีร์ก็ได้เดินลงไปชมสวน จิ้มสตรอเบอรี่ กินน้ำลิ้นจี่ น้ำสตรอเบอรี่ สตรอเบอรี่อบแห้ง ลิ้นจี่อบแห้ง...แล้วนมล่ะ กินรึยังเนี่ยลูกกกกก!
ออกจากไร่สตรอฯ เราก็มุ่งหน้าขึ้นดอยตุงกัน อากาศบนดอยก็เย็นกว่าข้างล่างอีกหลายองศา ระหว่างทางเราก็ต้องเปิดกระจกให้เครื่องยนต์ทำงานขึ้นเขาอย่างแข็งขัน อากาศเย็นๆ มีกลิ่นป่า กลิ่นต้นไม้นี่ดีจัง...อยากย้ายบ้านไปอยู่บนดอยบ้าง 555

คืนนี้เราจะพักที่ดอยตุงลอดจ์ (บ้านต้นน้ำ 31) วิวสวย ห้องพักดีทีเดียวเชียว แถมมีห้องส่วนกลางไว้ให้อ่านหนังสือ จิบกาแฟด้วยเหมาะกับสภาวะอากาศเป็นอย่างยิ่ง 

เราเช็คอิน เอาของไปเก็บในห้องพักแล้วก็ไปเดินเล่น ถ่ายรูป...ต้นขาวๆ นี่เป็นมุมมหาชนมากๆ อี๊บีมีต้นนึงที่คอนโดฯ เห็นตั้งใจว่าจะปลูกให้ได้ต้นขนาดบนดอยตุง ตอนนี้ลำต้นของต้นไม้ของอี๊บีประมาณนิ้วก้อย...ส่วนของดอยตุงประมาณข้อมือกู๋คิม...
แล้วก็ไปเดินกาดดอยตุงกัน ที่กาดก็มีขายใบชา ขนม ผลไม้ เสื้อผ้าโดยชาวเขาตัวจริงเสียงจริง ไม่ใช่ชาวเขาแต่เสื้อผ้า
ที่กาดดอยตุงนี่เอง...หม่าม้ามีรูปคู่กะกงแล้ว (เท่าที่จำได้ เหมือนจะไม่เคยมีแฮะ!!!) กงต่อเขาเล็กๆ ให้ด้วย ไงเล่าๆ
ช้อปปิ้งกันพอควร ก็นั่งพักกินกาแฟ...คุณชายเค้าก็กินด้วย บอกแล้วทุกคนกินกาแฟ ธีร์มีส่วนร่วมกินโกโก้เย็นทุกคราวไป ส่วนหม่าม้าก็ได้รับอานิสงส์ได้กินโกโก้ (ฟรี) กับธีร์ไปด้วย ธีร์กินวิปป์ครีม หม่าม้ากินโกโก้ 555
เงาต้นไม้บนกำแพงร้านกาแฟดอยตุง
กินกาแฟเสร็จก็ได้เวลาอาหารเย็นของกงกันพอดี เย็นนี้เราก็กินข้าวที่ครัวดอยตุงนี่แหละ ระหว่างรออาหาร เราก็นั่งมองซ้าย มองขวา และกลายเป็นเหยื่อทางเลนส์ของกู๋คิมกัน
วันนี้จบลงด้วยการชมดาว ชมจันทร์แบบหนาวๆ 

Thursday, December 18, 2008

เชียงราย...วันแรก

ธีร์ไปเที่ยวเชียงรายมาครับ เมื่อวันเสาร์ อาทิตย์ และจันทร์ที่ผ่านมา (13-15 ธันวาคม 2551)
ธีร์ไม่ค่อยสบายตั้งแต่วันที่ 11 ... หม่าม้าพาไปหาหมอ ปรึกษากันแล้ว คุณหมอว่าโอเค ไปเที่ยวได้...

เรา 2 คนแม่ลูก พร้อมกับคณะพรรคบ้านสายสี่ ประกอบด้วย กง ม่า อี๊บี กู๋คิม และโมอิ๊ก็เลยมุ่งหน้าสู่สนามบินดอนเมือง ขึ้นเครื่องบินชื่อ "เชียงราย" ไปเที่ยวเชียงรายกัน...

ส่วนป๊านั้นหรือ...ป๊าเป็นโรค S.A.D ประกอบกับเกรงกลัวความหนาวเย็นเลยสมัครใจร้องเพลงรออยู่บ้านหนองดินแดง (โรค S.A.D ก็คือโรคหดหู่ ซึมเศร้าที่เกิดจากสภาวะอากาศในฤดูหนาวที่มีแสงแดดน้อยกว่าปกติ...ต้องไปตากแดดมากๆ ถึงจะหาย 555 ล้อเล่น จริงๆ แล้วป๊าเค้ากลัวหนาวเลยไม่ได้ไปด้วยเท่านั้นแหละ)

เราไปถึงสนามบินกันประมาณ 8 โมงกว่า เครื่่องบินออก 09.40น. ระหว่างรอ ธีร์ก็บอกว่าจะไปกินเบอร์เกอร์คิง...พร้อมตะโกนเรียกอี๊บีว่า "อี๊บี มาเร็วเข้า อย่ามัวลีลา" ตามอี๊บีให้ไปซื้อเฟรนช์ฟรายด์ด้วยกัน

ขึ้นเครื่องบิน เหยื่อรายถัดไปของธีร์นั่งอยู่ด้านหลัง...เล่นกันเสียงดังลั่นเครื่องบินไปหมด อี๊บีให้ข้อสังเกตว่า ไฟลท์นี้เด็กเยอะชะมัด ธีร์ได้ตุ๊กตาคุณกัปตันมาเล่นกะพี่เค้าด้วย
ที่เราไปเชียงรายครั้งนี้ เราซื้อแพคเกจทัวร์ที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงจัด จริงๆ มีหลายแพคเกจ หม่าม้าเลือกแพคเกจที่ไม่มีกิจกรรมเสริม เพราะไม่แน่ใจว่า ส.ว. และธีร์จะไหวมั้ย

ที่แรกที่เราไปเยี่ยมชมหลังจากออกจากสนามบินคือร้านอาหาร 555 ก็แหม...กองทัพต้องเดินด้วยท้องสิ เราก็ควรเติมพลังกันก่อนจะไปลุยยยยย (ธีร์กะหม่าม้าไม่ค่อยสบายกันตลอดทริป กินอะไรไม่ค่อยจะลง ทุกคนแซวว่าเรา 2 คนประท้วงที่ป๊าไม่ได้มาด้วย เหอ เหอ เหอ)

อิ่มหนำกันดีแล้ว เราก็ไปเที่ยววัดร่องขุ่นกัน
เที่ยววัดร่องขุ่นกันเสร็จ เราก็ไปไร่แม่ฟ้าหลวง
ส่วนธีร์ก็เข้าญาณ พักผ่อน เนื่องจากแดดร้อน เลยโผล่ออกจากรถเข็นแค่ขาเท่านั้น....และไอ้การที่โผล่มาแต่ขานี่แหละ ทำให้เกิดเรื่องที่ควรเล่าในวันพรุ่งนี้ต่อไป
ต่อด้วยวัดพระแก้ว ธีร์กะม่าถ่ายรูปกับต้นผีเสื้อกัน...ดูหน้าคุณชายเค้าชื่นชมต้นผีเสื้อกันซะก่อน...จบลงด้วยพระธาตุจอมกิตติ
วันนี้เราไปพักกันที่เกรทเธอร์ แม่โขง ลอดจ์ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับหอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ ก่อนนอนโมอิ๊ขออนุญาตธีร์ว่าวันนี้จะนอนด้วยคนนะ (อย่าทำร้ายเราระหว่างหลับนะจ๊ะ)

อากาศเย็นพอควร แต่ไม่ได้เย็นมาก อี๊บีสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยเสื้อยืดเพียงตัวเดียว ส่วนหม่าม้าที่ไม่ค่อยสบายใส่เสื้อกันหนาวอย่างอบอุ่น ไม่สามารถระบุอุณหภูมิที่แน่นอนได้

จบวันก็จบกัน หม่าม้าหมดแรงอัพบล๊อกสำหรับวันนี้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาติดตามตอนต่อไปกันก็แล้วกันเนาะ

Thursday, December 04, 2008

พ่อที่ไม่มีลูก.....

อาทิตย์ก่อน คุณครูบอกป๊ามาว่า ขอรูปคุณพ่อกะคุณลูกมาโรงเรียนด้วย ขอเป็นรูปแบบการ์ดอวยพร จะเอามาจัดกิจกรรมวันพ่อ...

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เราก็ขะมักเขม้นถ่ายรูปคู่ป๊ากะธีร์ เพื่อเอาไปให้คุณครู (รูปเดิมๆ ไม่อัพเดต 555)

วันนี้ที่โรงเรียนธีร์จัดงานวันพ่อ...ธีร์ได้ยินหม่าม้าบอกว่าวันนี้หม่าม้ากะป๊าจะไปโรงเรียนด้วย ก็ไม่มีงอแง ไปโรงเรียนด้วยความเบิกบานรื่นเริงสุดๆ ถึงกับเร่งป๊าว่า..."ป๊าเร็วเข้า เดี๋ยวไปไม่ทันชักธงชาติ" ไงล่ะ...

ไปถึงโรงเรียนก็มีพ่อแม่ ผู้ปกครองของเด็กๆ ชั้นเตรียมอนุบาล และชั้นบริบาลทั้ง 4 ห้องมากันอย่างพร้อมเพรียง เด็กห้องนึงประมาณ 15 คน รวมๆ แล้วก็มีคนมางานกันประมาณร่วมร้อย นับรวมพี่ๆ นักศึกษา และบรรดาคุณครู อาจารย์ด้วย พิธีค่อนข้างยาว มีร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีมหาราชา แจกของรางวัล และการแสดงของเด็กๆ เตรียมอนุบาล และบริบาล (ยกเว้นห้องของธีร์ เนื่องจากยังอยู่ในสภาพไร้ระเบียบ จัดการไม่ได้ ตัดออกไปซะ 555) เด็กๆ ห้องอื่นๆ อยู่ในความสงบพอควร มีเสียงร้องกระจองอแงจะหาพ่อ หาแม่บ้างตามประสาเด็ก ส่วนไอ้เจ้านี่ พอเด็กห้องอื่นๆ เค้าออกไปแสดง ก็ทำท่านี้ บอกว่าหนวกหู เสียงดัง....หน้าตาเลวร้ายมาก (ขนาดแม่มันยังรับไม่ได้ว่างั้นเหอะ)
หลังจบการแสดงของเด็กๆ คุณครูก็ให้คุณพ่อทั้งหลายไปนั่งและให้ลูกๆ เอาของขวัญไปให้ ของห้องธีร์เป็นผ้าเช็ดหน้าที่เด็กๆ ระบายสีเอง คุณครูทำหีบห่อให้อย่างสวยงาม...ตอนแรกป๊านั่งอยู่ริมๆ ครูว่าให้เอาไปให้ก็หยิบไปส่งให้ไม่มีอิดออด แต่เนื่องจากเก้าอี้ตรงกลางยังว่าง ป๊าเลยถูกคุณครูขอร้องแกมบังคับให้ไปนั่งกลางๆ หน่อย....
ธีร์ให้ของขวัญป๊าไปแล้วก็ไม่ยอมวิ่งไปอยู่กับป๊าอีก วิ่งกลับมานั่งข้างๆ หม่าม้าตากล้อง ไม่ว่าจะบอกยังไง ธีร์ก็ไม่ยอมขยับก้นเล็กๆ ไปหาป๊า
ป๊าเกิดความเครียด สายตานับร้อยคู่จับจ้องไปยัง "พ่อที่ไม่มีลูก" ตรงกลางเวที คุณครูเห็นใจป๊ามาก บอกให้หม่าม้าไปนั่งข้างๆ (เพื่อลูกน้อยจะได้ตามติดไปด้วย) คุณครูจะ่ถ่ายรูปให้ แต่หม่าม้าปฏิเสธ 555

คุณครูที่ธีร์ชอบเล่นด้วยอีกรายทนไม่ได้ เดินมาบอกว่า มา ครูจะพาไปหาคุณพ่อ...ธีร์ยอมตามคุณครูไปแต่โดยดี แต่ไม่ยอมให้ป๊ากอดเอาไว้ ดิ้นรนจะออกมาอีกให้ได้
ได้รูปหน้าตาแบบนี้มาประดับอัลบั้มบล๊อก "วันพ่อแห่งชาติ 2551"
หลังจากรอดพ้นจากเวทีมา ป๊าบอกว่า พ่อคนข้างๆ บอกลูกว่าไหนมาให้พ่อกอดหน่อยซิ ขอหอมแก้มหน่อย ป๊าปรายตามองด้วยความแค้นและหมั่นไส้...สงสัยจะหมั่นไส้และแค้นทั้งพ่อ+ลูกคู่ข้างๆ และเจ้าตัวร้ายของเรา
ขากลับบ้าน หม่าม้าแกผ้าในห่อออกมาดู เจ้าธีร์ยังมีหน้ามาพูดว่า "เอ้ย...นั่นมันของขวัญของธีร์ที่ให้ป๊า คุณครูให้ธีร์ระบายสีเอง..." หม่าม้าเลยต้องห่อให้เหมือนเดิม เจ้าตัวบอกว่า "ไม่เหมือน" แล้วก็ลอกสติ๊กเกอร์ติดถุงรูปหัวใจสีแดงมีระยิบระยับสะท้อนแสงไปเล่น แล้วก็ยื่นผ้าไปให้ป๊า....นะ!

ส่งท้ายกันด้วยรูปเพื่อนๆ ร่วมชั้นของธีร์ หม่าม้า (แอบ) ถ่ายมาได้แค่ไม่กี่คน ข้างๆ ธีร์นี่คือโมเพื่อนอีกส่วน ฮอร์นจะมีลูกพี่ลูกน้องชื่อน้องรัน มาโรงเรียนพร้อมกันด้วย แต่คุณครูบอกว่าฮอร์นชอบแกล้งน้อง 555

คูณ นี่อายุไล่เลี่ยกับธีร์ แม่ของคูณบอกว่าคูณชอบกีฬากลางแจ้งมากๆ วิ่งเล่นได้ไม่มีเหนื่อย แรกๆ มาสายทุกวัน เพราะนอนกลางวันตอน 4-5 โมงเย็น นอนกลางคืนตอน 5 ทุ่มโน่น...เหมือนผู้ใหญ่มาก

เอมี่ตั้งท่าถ่ายรูปได้น่ารักมาก บอกให้ยิ้มก็ยิ้ม ธีร์ไม่เคยทำได้เลย บางวันทรงผมของเอมีจะเด็ดขาดมาก มัดจุก ตรงกลางหน้าผาก และจุกซ้ายขวา...

มายด์ สาวน้อยรายนี้ไงที่ไปชักธงชาติกับธีร์วันแรก และสุดท้ายน้องพรีม อายุ 2 ขวบเท่านั้น 2-3 วันก่อนมัดผมจุก 2 ข้างมาโรงเรียน มัดได้ใจหม่าม้ามาก ทำเป็นหนวดมดได้เลย 555 น้องพรีมมัดจุกทรงเก๋มาพร้อมกับชุดกันหนาวเต่าทอง...imc จริงๆ
จบข่าว...

Monday, December 01, 2008

สนามหลวง ท่าพระจันทร์ และโดมที่คิดถึง

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ออกจากบ้านสายสี่กันด้วยความสับสน ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนกันดี คุยกันไปคุยกันมา สรุปว่าจะไปดูพระเมรุฯ ที่สนามหลวงกัน เอารถไปจอดที่ธรรมศาสตร์...ไม่ได้ไปธรรมศาสตร์นานมากกกกก ครั้งสุดท้ายที่ได้ไปคือ...งานรับปริญญาโทของกู๋คิม (ตอนนั้นสมธีร์ยังไม่เกิดเลย หม่าม้ากะป๊ายังวิ่งไปวิ่งมาถ่ายรูปรับปริญญาให้กู๋คิม...นานเหลือเกิน 555) บอกธีร์ตั้งแต่รถลงสะพานพระปิ่นเกล้าว่า "เราไปดูโรงเรียนของหม่าม้ากัน"

จอดรถเสร็จ ออกเดินทางจากใต้โรงอาหารคณะเศรษฐศาสตร์ เดินผ่านคณะรัฐศาสตร์...หน้าตาเปลี่ยนไปเยอะแยะ ไม่เหมือนเดิม...ตรงไปเรื่อยๆ ผ่านไปทางลานปรีดี ชี้ให้กู๋คิมดู...นี่ไงต้นงิ้ว ไม่เคยเห็นล่ะสิ

ไปถึงลานโพธิ์ หันหน้ากลับมาถ่ายรูปแม่โดมที่คิดถึงไว้ซักหน่อย....
เดินต่อไปอีก ผ่านไปทางสนามฟุตบอล ร่องรอยงานคืนสู่เหย้าของชาวสิงห์แดงเกลื่อนสนาม...พร้อมกับซากหอยแครง ฝาขวด และป้ายงาน (ถ่ายรูปส่งไปให้ป้าอี๊ดดูซักหน่อย)

มุ่งหน้าต่อไป ผ่านคณะบัญชี สังวิด และสังเคราะห์ไป....เจอร้านกาแฟดักหน้าอยู่ หนุ่มสาว 3 หน่อนี้แวะเข้าไปซื้อกาแฟ และโกโก้เย็นสำหรับสมาชิกรุ่นเยาว์ เจ้าสมาชิกรุ่นเยาว์นี่ชอบไปแจมขอโกโก้เย็นเค้ากินทุกครั้งที่มีการซื้อกาแฟ....
เมื่อหนุ่มสาว 3 คนนั้นเค้าไปซื้อกาแฟ สมาชิกอีก 3 หน่อก็รออยู่หน้าร้าน....เสียงกงลอยลมมาแว่วๆ ว่าเบี้ยบ้ายรายทางกันมาก เมื่อไหร่จะไปถึงสนามหลวง (วะ)
ถึงสนามหลวง....

แดดร้อนระอุ ผู้คนล้นหลาม สินค้ามากมาย ซื้อร่มได้มา 1 คัน เพราะความไม่พร้อม มาโดยไม่ได้ตั้งใจ นิทรรศการวันนี้เป็นวันสุดท้าย...ซื้อลูกโป่งมิคกี้เมาส์หนึ่งลูกผูกธีร์ไว้ กันหลง ไม่รู้จะกันทำไม สมธีร์ไม่ยอมให้เท้าแตะพื้นเลย อยู่ในอ้อมกอด และแผ่นหลังของใครซักคนตลอดเวลา แถมเจ้าลูกโป่งนี่เค้าก็ห้ามเอาเข้าไป ต้องถือไว้ตลอด...ธีร์ก็วุ่นวายจะเอาลูกโป่งมาถือเองให้ได้ หน้าหงิกไม่พอใจ เอื้อมมือจะหยิบลูกโป่งอยู่ทุกรูปสิน่า

ถ่ายรูปมาก็ไม่สวย เดินดูอะไรก็ไม่ค่อยได้ทั่วถึง ได้วนๆ รอบนึง ดูผ่านๆ เพราะคนเยอะ อากาศร้อน (ก็ไปถึงตอน 11 โมงกว่าๆ จะไม่ร้อนกันได้ไง) รูปที่ถ่ายมา ประมาณนี้ (ดูร่มซะก่อน บานยังกะดอกเห็ดหน้าฝน)
หม่าม้าได้มาประมาณที่เห็น ส่วนข้างล่างต่อไปนี้ ถ่ายจาก omnia ของกู๋คิม ได้รูปออกมาเจ๋งเป้งมาก กู๋คิมภูมิใจมากมาย (โม้ให้ซักหน่อย 555)
หลังจากเดินวนผ่านนิทรรศการด้วยความรวดเร็วไปแล้ว จุดมุ่งหมายต่อไปก็คือท่าพระจันทร์ กงมุ่งหน้าไปกินหอยทอดที่ร้านโรตีมะตะบะตรงท่าพระจันทร์ ตอนกงบอกว่าจะไปกินหอยทอด หม่าม้างงมาก มีร้านหอยทอดด้วยเหรอ...ไม่เคยรู้เลย (เพราะไม่ใช่อาหารที่เคยกินด้วย เลยไม่ได้สนใจ) เนื่องจากยังอิ่มอยู่มาก หม่าม้าก็ทอดทิ้งธีร์ไว้กับทุกคน แล้วเดินไประลึกความหลังที่ท่าพระจันทร์โดยลำพัง

เดินอยู่พักใหญ่ กู๋คิมบอกให้ไปเจอกันที่ลานโพธิ์ หม่าม้าเดินไปทันที เกาะรากต้นโพธิ์อยู่นาน ชาวคณะฯ ไม่มาถึงซักที ในที่สุดก็ค้นพบว่า ธีร์ไปจอดอยู่ที่ร้านตุ๊กตากำลังเหมา เอ้ย! เลือกอันปังแมนกะแบคทีเรียแมนที่รักอยู่....

จากนั้นเราก็ไปเยี่ยมเหล่ากง เหล่าม่ากันจนถ้วนทั่ว ธีร์ไปเที่ยวต่อที่ตลาดเก่า เยาวราช และสลบสิ้นฤทธิ์คาบ่าหม่าม้าอยู่กลางตลาด

ก่อนหมดวัน เราก็ไปเจอป๊า กินข้าวเย็นกันพร้อมหน้า พร้อมภารกิจถ่ายรูปคู่พ่อลูกเพื่อส่งต่อให้คุณครูไปใช้ในกิจกรรมวันพ่อที่โรงเรียน....รูปตัวอย่าง ธีร์ร่วมมือมาก 555 ป.ล. ประกาศชะตากรรมของลูกโป่งมิคกี้เมาส์....ถึงบ้านหนองดินแดงไม่ถึงชั่วโมง เจ้าลูกโป่งชะตาขาดก็ลอยละล่องไปถูกพัดลมส่งเสียงดัง "ปุ" และทิ้งดิ่งตัวเองลงสู่พื้นบ้าน...ธีร์ถามว่า "ซ่อมไม่ได้เหรอ"....555 เอาซากเก็บไว้ดูละกันครับลูก