19 ธันวาคม 2552
ตามแผนการของเรา วันนี้เราจะไปเที่ยวมาเก๊ากัน ออกจากโรงแรม 8 โมงเช้า กองทัพเดินด้วยท้อง ต้องไปหาอะไรกินกันก่อน...กงผู้ซึ่งตื่นมาตั้งแต่ตี 2 ครึ่ง เพราะม่าดูนาฬิกากลับฝั่ง บอกกงว่า 7 โมงครึ่งแล้ว เดินมุ่งหน้าไป บอกว่าไปกินร้านนี้...
ระหว่างทาง เจอศิลปะข้างทางดูสวยงาม ถ่ายรูปมาไว้เป็นที่ระลึกถึงร้านอาหาร ร้านนี้คนฮ่องกงกินกันเยอะเหมือนกัน มีขายหลายอย่างพวกขนมปัง บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ดูเมนูแล้วเลือกกินบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง อาหารมาตรฐานคงรสชาติดีเฮียปรานต์เลือกได้เส้นสีขาวๆ กับลูกชิ้นสารพัด ซึ่งม่าที่กินเหมือนกันบอกว่าเป็นเหมือนเส้นขนมจีน ภาษาอังกฤษบอกว่า Vermicelli คงเป็นประเภทวุ้นเส้น....มั่วดีมะ 555 ป๊าของธีร์ชิมแล้วบอกว่าของเฮียปรานต์อร่อยกว่าบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง
กินอาหารเช้าเรียบร้อย เด็กๆ ผู้มีชีวิตรอดได้ด้วยนมใน 7-11 และเฟรนช์ฟรายด์ของแมคโดนัลด์ก็ไปถ่ายรูปกันที่ K11 ผู้ใหญ่ก็ไปเข้าห้องน้ำ ถ่ายรูปมากับสัตว์หน้าตาประหลาดๆ แบบนี้...
กินอาหารเช้าเรียบร้อย เด็กๆ ผู้มีชีวิตรอดได้ด้วยนมใน 7-11 และเฟรนช์ฟรายด์ของแมคโดนัลด์ก็ไปถ่ายรูปกันที่ K11 ผู้ใหญ่ก็ไปเข้าห้องน้ำ ถ่ายรูปมากับสัตว์หน้าตาประหลาดๆ แบบนี้...
ไปถึงท่าเรือเฟอร์รี่ฮ่องกง-มาเก๊า ซื้อตั๋วเรือกับเอเย่นต์ขายตั๋ว ได้ราคาถูกกว่าซื้อหน้าเคาน์เตอร์ของบริษัทเรือเฟอร์รี่ และได้เวลาที่ดีกว่าตั้งเกือบ 3 ชั่วโมง ขึ้น TurboJet ไปมาเก๊ากัน
ประมาณไม่เกิน 1 ชั่วโมง ธีร์ผู้ซึ่งมักจะหลับเสมอ เวลาเราเดินทางผ่านตม. ประเทศใดก็ตาม...ก็ทำตัวตามปกติ หลับให้ข้าราชบริพารแบกหามพาข้ามประเทศ เข้าไปยังมาเก๊า
ข้อมูลที่หามาได้ คนมาเก๊าพูดภาษาอังกฤษกันได้น้อย ต้องพึ่งพาสมุดคำศัพท์ภาษากวางตุ้ง และความรู้ภาษาจีนกลางที่เข้ากรุไปแล้วเป็นหลัก ที่แรกที่เรานั่งรถเมล์ไปเที่ยวกันก็คือวัดอาม่า
วัดอาม่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า ตามตำนานเล่าว่าตรงนี้นี่แหละ เป็นจุดที่อาม่า หรือเจ้าแม่ทับทิมนั่งเรือผ่านพายุมาด้วยความปลอดภัย ขึ้นเกาะมาเก๊าตรงจุดนี้เฮียปรานต์ไม่พลาดที่จะไปเสี่ยงเซียมซีของโปรด ได้แผ่นเซียมซีภาษาจีนมาแผ่นนึง....ใครจะแปลให้เฮียปรานต์ฟังกันเนี่ย ส่วนธีร์เพิ่งจะตื่น หน้าตายู่ยี่
อันนี้เป็นกังหันแขวนอยู่เยอะแยะ เดาเอาว่าคงเป็นการขอพรชนิดหนึ่ง....เพราะเห็นมีเขียนป้ายอะไรซักอย่างติดอยู่กับกังหันด้วย
คนฮ่องกงกะมาเก๊าเค้ามีการจุดธูปแบบที่เป็นขดๆ วงๆ ด้วย สีเหลืองๆ ที่อยู่ด้านบนนี่แหละ มีหลายขนาด รู้สึกว่าใหญ่สุดจะจุดได้ 1 เดือน
ปีนเขาขึ้นไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมเสร็จ ลงมาเดินดูรอบๆ ซักนิด ก็พากันยกขบวนขึ้นรถเมล์ไปยังจุดหมายต่อไป ด้านล่างนี่เป็นตู้ไปรษณีย์ ทั้งสี และขนาดได้ใจมากๆ
หลังป้ายรถเมล์เป็นที่จอดรถ มีทรานส์ฟอร์เมอร์สจอดอยู่คันนึง...ไงล่ะ
รถเมล์สาย 10 นั่งกลับไปเซนาโด้ สแควร์
ลงรถแล้วก็มุ่งหน้าไปหาข้าวเที่ยงกินกัน ไปที่ร้านนี้...Chan Kong Kei Casa De Pasto ตามลายแทงที่ได้มา ถึงหน้าร้านปรากฎว่าต้องต่อคิว เพราะเที่ยงพอดี และคนเยอะจัด ได้นั่งแยกกัน 2 โต๊ะอีกตามเคย โต๊ะเราสั่งหมูแดง ไก่ และเป็ด 1 จาน พร้อมกับผัดผัก 1 จาน นั่งกันผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 2 คน ไม่รวมอาเจ็กอาซิ่มที่นั่งกินอยู่ก่อนอีก 2 คน 6 คนเบียดกันในโต๊ะกลมเล็กๆ 1 ตัว
วัดอาม่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า ตามตำนานเล่าว่าตรงนี้นี่แหละ เป็นจุดที่อาม่า หรือเจ้าแม่ทับทิมนั่งเรือผ่านพายุมาด้วยความปลอดภัย ขึ้นเกาะมาเก๊าตรงจุดนี้เฮียปรานต์ไม่พลาดที่จะไปเสี่ยงเซียมซีของโปรด ได้แผ่นเซียมซีภาษาจีนมาแผ่นนึง....ใครจะแปลให้เฮียปรานต์ฟังกันเนี่ย ส่วนธีร์เพิ่งจะตื่น หน้าตายู่ยี่
อันนี้เป็นกังหันแขวนอยู่เยอะแยะ เดาเอาว่าคงเป็นการขอพรชนิดหนึ่ง....เพราะเห็นมีเขียนป้ายอะไรซักอย่างติดอยู่กับกังหันด้วย
คนฮ่องกงกะมาเก๊าเค้ามีการจุดธูปแบบที่เป็นขดๆ วงๆ ด้วย สีเหลืองๆ ที่อยู่ด้านบนนี่แหละ มีหลายขนาด รู้สึกว่าใหญ่สุดจะจุดได้ 1 เดือน
ปีนเขาขึ้นไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมเสร็จ ลงมาเดินดูรอบๆ ซักนิด ก็พากันยกขบวนขึ้นรถเมล์ไปยังจุดหมายต่อไป ด้านล่างนี่เป็นตู้ไปรษณีย์ ทั้งสี และขนาดได้ใจมากๆ
หลังป้ายรถเมล์เป็นที่จอดรถ มีทรานส์ฟอร์เมอร์สจอดอยู่คันนึง...ไงล่ะ
รถเมล์สาย 10 นั่งกลับไปเซนาโด้ สแควร์
ลงรถแล้วก็มุ่งหน้าไปหาข้าวเที่ยงกินกัน ไปที่ร้านนี้...Chan Kong Kei Casa De Pasto ตามลายแทงที่ได้มา ถึงหน้าร้านปรากฎว่าต้องต่อคิว เพราะเที่ยงพอดี และคนเยอะจัด ได้นั่งแยกกัน 2 โต๊ะอีกตามเคย โต๊ะเราสั่งหมูแดง ไก่ และเป็ด 1 จาน พร้อมกับผัดผัก 1 จาน นั่งกันผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 2 คน ไม่รวมอาเจ็กอาซิ่มที่นั่งกินอยู่ก่อนอีก 2 คน 6 คนเบียดกันในโต๊ะกลมเล็กๆ 1 ตัว
นั่งกินกันวุ่นวาย อาเจ็กกะอาซิ่ม 2 คนนั่นลุกไป อาเจ็กคนใหม่อีกคนมานั่งคนเดียว นั่งฟังเรา 2 คนจัดการกับเด็ก 2 คนซักพัก อาเจ็กก็ทักเป็นภาษาอังกฤษว่ามาจากเมืองไทยเหรอ....คุยกันซักพัก อาเจ็กถามว่า เราไม่ได้สั่งเป็ดย่างมากินหรอกหรือ ร้านนี้เป็ดอร่อยมาก ไม่เหม็นสาบเลยซักนิด...ได้คำตอบจากเราไปว่า สั่งแล้ว แต่เป็ดหมดไปแล้ว ฝีมือการทำลายล้างของเด็ก 2 คน ผู้ใหญ่ได้ชิมเป็ดกันคนละชิ้น และมันก็อร่อยจริงๆ ซะด้วยแหละ ใครไปมาเก๊าอย่าลืมไปชิมเป็ดร้านนี้เด็ดขาด และถ้าจะให้ดี ซื้อมาฝากด้วย จะขอบคุณอย่างยิ่ง 555 (ใครจะไป ถามทางมาได้ เราจำทางแม่น)
กินอาหารเสร็จ กระเพาะขนมหวานเริ่มทำงาน ใกล้ๆ กันมีร้านทาร์ตไข่ชื่อดังอยู่ร้านนึง สังเกตจากแถวหน้าร้านได้ ยาวมาก
เด็กๆ นั่งรอขนม
ผู้ใหญ่ก็รอขนม
ผู้ใหญ่คนนี้ก็รอด้วยใจจดจ่อเหมือนกัน
ในที่สุดทาร์ตไข่อันลือชื่อของมาเก๊าก็มาอยู่ในมือเรา....
เด็กๆ ชิมกันคนละนิดเพราะมันยังร้อนอยู่
กินกันเสร็จก็มีการออกกำลังกายซ้อมเด็ก
เดินกันต่อไปอีกนิดก็ถึงเซนาโด้ สแควร์ เป็นจัตุรัสกลางเมือง คนเยอะมาก ใกล้คริสมาสต์ แถมเป็นวันเสาร์อีกต่างหาก ธีร์กะปรานต์ขึ้นไปถ่ายรูปบนเวทีกัน
น้ำพุกลางลานถูกแปลงร่างให้กลายเป็นต้นคริสมาสต์ มีซานต้า ตุ๊กตาหิมะ และกล่องของขวัญรายล้อม
ข้างๆ ลานน้ำพุมีร้านขายเกาลัดคั่ว...ที่คั่วเกาลัดหน้าตาเหมือนโม่ผสมปูน 555
เด็กๆ นั่งรอขนม
ผู้ใหญ่ก็รอขนม
ผู้ใหญ่คนนี้ก็รอด้วยใจจดจ่อเหมือนกัน
ในที่สุดทาร์ตไข่อันลือชื่อของมาเก๊าก็มาอยู่ในมือเรา....
เด็กๆ ชิมกันคนละนิดเพราะมันยังร้อนอยู่
กินกันเสร็จก็มีการออกกำลังกายซ้อมเด็ก
เดินกันต่อไปอีกนิดก็ถึงเซนาโด้ สแควร์ เป็นจัตุรัสกลางเมือง คนเยอะมาก ใกล้คริสมาสต์ แถมเป็นวันเสาร์อีกต่างหาก ธีร์กะปรานต์ขึ้นไปถ่ายรูปบนเวทีกัน
น้ำพุกลางลานถูกแปลงร่างให้กลายเป็นต้นคริสมาสต์ มีซานต้า ตุ๊กตาหิมะ และกล่องของขวัญรายล้อม
ข้างๆ ลานน้ำพุมีร้านขายเกาลัดคั่ว...ที่คั่วเกาลัดหน้าตาเหมือนโม่ผสมปูน 555
เดินฝ่าฝูงชนตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึงโบสถ์ St'Dominic การท่องเที่ยวมาเก๊าบอกว่าโบสถ์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นโบสถ์ที่มีศิลปกรรมทางศาสนาที่งดงามที่สุด เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างสไตล์บารอคและโคโลเนี่ยล...ซึ่งก็ดูสวยจริง ปูนปั้นด้านนอกดูสวยงามอ่อนช้อยมาก
เข้าไปวนดู 1 รอบ พร้อมกับเป็นไกด์เด็กจำเป็น อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ให้ธีร์กับปรานต์ฟังอย่างคร่าวๆ เดินออกมารอพลพรรคถ่ายรูปกับประตู กับฝูงชนไปตามเรื่อง ถูกธีร์ดึงให้เข้าไปเล่าเรื่องให้ฟังอีกรอบ....ขอน้ำเปล่าหน่อยค้าบบบออกจากโบสถ์ เดินตามป้ายบอกทาง มุ่งหน้าไปยัง Ruin of St'Paul's สัญลักษณ์ของมาเก๊า ระหว่างทางมีร้านรวงขายขนม ของกิน ของฝากสารพัด ไม่ได้ชิมซักอย่าง คนเยอะ เข้าไม่ถึง พ่วงลูกปูไป 2 หน่อ แต่ไหงธีร์ได้ชิมขนมฟระ
แล้วก็มาถึงจุดหมายจนได้
เดินวนดูรอบๆ เด็กๆ ถูกยิงปุๆ โดยกู๋คิมกะกิ๋มเจี๊ยบ
แล้วก็เดินไปดู Monte Fort กัน เด็กๆ บอกจะปีนขึ้นไปดูปืนใหญ่!!! มีม่า กะกู๋คิมตามขึ้นไป นอกนั้นขอรออยู่ทรีนเขา
แล้วก็มาถึงจุดหมายจนได้
เดินวนดูรอบๆ เด็กๆ ถูกยิงปุๆ โดยกู๋คิมกะกิ๋มเจี๊ยบ
แล้วก็เดินไปดู Monte Fort กัน เด็กๆ บอกจะปีนขึ้นไปดูปืนใหญ่!!! มีม่า กะกู๋คิมตามขึ้นไป นอกนั้นขอรออยู่ทรีนเขา
ปีนเขาขึ้นไปดูปืนใหญ่ ปรานต์บอกจะเข้าห้องน้ำ ส่งปรานต์ออกไปสบทบกับม่า หม่าม้าออกมา อ้าว หายกันไปไหนหมด วิ่งลงเขาไปดูซิว่าลงไปรึยัง ยังไม่ลง วิ่งกลับขึ้นเขาไปใหม่ เจอทุกคนกำลังจะลงเขา ได้ความว่าเด็กๆ ขึ้นไปดูด้านบนต่อ 2 ศรีพี่น้องช่วยกันจินตนาการว่าหมุนและปืนใหญ่ยิงถล่มตึกโรงแรมแกรนด์ลิสบัวถล่มไปเรียบร้อยแล้ว....
สงสัยว่าจะใช้กำลังมากเกิ๊น....ลงมา 2 หน่อก็เติมพลังทาร์ตไข่กันคนละชิ้น
คราวนี้กินกันเองได้เพราะเย็นแล้ว เลียมุมปากเล็กน้อย
เดินลงไปเรื่อยๆ กลับไปป้ายรถเมล์ จะนั่งรถกลับไปท่าเรือเพื่อขึ้น Free Shuttle Bus ไป The Venetian
ขึ้นรถเมล์ผิดสายหลงกันไปเป็นหมู่คณะ สุดท้ายก็ได้ขึ้นรถฟรีสมใจ
ด้านในเวเนเชี่ยน มีทั้งฟ้าทั้งน้ำและเรือกอนโดลา หรูหราอลังการมาก
คราวนี้กินกันเองได้เพราะเย็นแล้ว เลียมุมปากเล็กน้อย
เดินลงไปเรื่อยๆ กลับไปป้ายรถเมล์ จะนั่งรถกลับไปท่าเรือเพื่อขึ้น Free Shuttle Bus ไป The Venetian
ขึ้นรถเมล์ผิดสายหลงกันไปเป็นหมู่คณะ สุดท้ายก็ได้ขึ้นรถฟรีสมใจ
ด้านในเวเนเชี่ยน มีทั้งฟ้าทั้งน้ำและเรือกอนโดลา หรูหราอลังการมาก
เดินไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เจอต้นคริสมาสต์ส่องแสงแวววาว วิ่งเข้าไปถ่ายรูป
จากที่ว่าจะไปกินโจ๊กปูแสนอร่อยตามลายแทง สุดท้ายทุกคนสรุปว่า กินแมคโดนัลด์กันนี่แหละ เหนื่อยเสียเหลือเกิน กินเสร็จแล้วก็นั่งรถฟรีไปลงท่าเรือ ขึ้น CotaiJet กลับฮ่องกงกันเถิด
จากที่ว่าจะไปกินโจ๊กปูแสนอร่อยตามลายแทง สุดท้ายทุกคนสรุปว่า กินแมคโดนัลด์กันนี่แหละ เหนื่อยเสียเหลือเกิน กินเสร็จแล้วก็นั่งรถฟรีไปลงท่าเรือ ขึ้น CotaiJet กลับฮ่องกงกันเถิด
ก่อนถึงท่าเรือ ธีร์ประกาศกร้าวว่าต้องการเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเป็นการด่วน ทำให้หม่าม้าต้องวิ่งไปตามทางที่ป๊าชี้ว่าห้องน้ำไปทางโน้น กลับมาเห็นป้ายบอกว่า "Area with free wifi" ทุกคนทำตาแวววาวและหยิบ iPhone ของแต่ละคนขึ้นมาจิ้มๆ กันใหญ่ เป็นภาพที่น่าถ่ายรูปไว้มาก แต่ไม่มีรูป เพราะไม่มีใครคิดจะถ่ายรูป 555
กลับถึงฮ่องกงด้วยความเหนื่อยล้า และเมาเรือ CotaiJet ลำใหญ่และดูดีกว่า TurboJet มาก แต่สงสัยพวกเรานั่งด้านหลังเกินไปเลยเมากันหมดซะงั้น แล้วก็หมดไปอีกวัน....
No comments:
Post a Comment