Wednesday, December 23, 2009

HK-Day 3

19 ธันวาคม 2552
ตามแผนการของเรา วันนี้เราจะไปเที่ยวมาเก๊ากัน ออกจากโรงแรม 8 โมงเช้า กองทัพเดินด้วยท้อง ต้องไปหาอะไรกินกันก่อน...กงผู้ซึ่งตื่นมาตั้งแต่ตี 2 ครึ่ง เพราะม่าดูนาฬิกากลับฝั่ง บอกกงว่า 7 โมงครึ่งแล้ว เดินมุ่งหน้าไป บอกว่าไปกินร้านนี้...
ระหว่างทาง เจอศิลปะข้างทางดูสวยงาม ถ่ายรูปมาไว้เป็นที่ระลึกถึงร้านอาหาร ร้านนี้คนฮ่องกงกินกันเยอะเหมือนกัน มีขายหลายอย่างพวกขนมปัง บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ดูเมนูแล้วเลือกกินบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง อาหารมาตรฐานคงรสชาติดีเฮียปรานต์เลือกได้เส้นสีขาวๆ กับลูกชิ้นสารพัด ซึ่งม่าที่กินเหมือนกันบอกว่าเป็นเหมือนเส้นขนมจีน ภาษาอังกฤษบอกว่า Vermicelli คงเป็นประเภทวุ้นเส้น....มั่วดีมะ 555

ป๊าของธีร์ชิมแล้วบอกว่าของเฮียปรานต์อร่อยกว่าบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง
กินอาหารเช้าเรียบร้อย เด็กๆ ผู้มีชีวิตรอดได้ด้วยนมใน 7-11 และเฟรนช์ฟรายด์ของแมคโดนัลด์ก็ไปถ่ายรูปกันที่ K11 ผู้ใหญ่ก็ไปเข้าห้องน้ำ ถ่ายรูปมากับสัตว์หน้าตาประหลาดๆ แบบนี้...
พลพรรคพร้อม...ออกเดินทางไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามไปฝั่งมาเก๊าได้
ไปถึงท่าเรือเฟอร์รี่ฮ่องกง-มาเก๊า ซื้อตั๋วเรือกับเอเย่นต์ขายตั๋ว ได้ราคาถูกกว่าซื้อหน้าเคาน์เตอร์ของบริษัทเรือเฟอร์รี่ และได้เวลาที่ดีกว่าตั้งเกือบ 3 ชั่วโมง ขึ้น TurboJet ไปมาเก๊ากัน

ประมาณไม่เกิน 1 ชั่วโมง ธีร์ผู้ซึ่งมักจะหลับเสมอ เวลาเราเดินทางผ่านตม. ประเทศใดก็ตาม...ก็ทำตัวตามปกติ หลับให้ข้าราชบริพารแบกหามพาข้ามประเทศ เข้าไปยังมาเก๊า

ข้อมูลที่หามาได้ คนมาเก๊าพูดภาษาอังกฤษกันได้น้อย ต้องพึ่งพาสมุดคำศัพท์ภาษากวางตุ้ง และความรู้ภาษาจีนกลางที่เข้ากรุไปแล้วเป็นหลัก ที่แรกที่เรานั่งรถเมล์ไปเที่ยวกันก็คือวัดอาม่า
วัดอาม่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า ตามตำนานเล่าว่าตรงนี้นี่แหละ เป็นจุดที่อาม่า หรือเจ้าแม่ทับทิมนั่งเรือผ่านพายุมาด้วยความปลอดภัย ขึ้นเกาะมาเก๊าตรงจุดนี้เฮียปรานต์ไม่พลาดที่จะไปเสี่ยงเซียมซีของโปรด ได้แผ่นเซียมซีภาษาจีนมาแผ่นนึง....ใครจะแปลให้เฮียปรานต์ฟังกันเนี่ย ส่วนธีร์เพิ่งจะตื่น หน้าตายู่ยี่
อันนี้เป็นกังหันแขวนอยู่เยอะแยะ เดาเอาว่าคงเป็นการขอพรชนิดหนึ่ง....เพราะเห็นมีเขียนป้ายอะไรซักอย่างติดอยู่กับกังหันด้วย
คนฮ่องกงกะมาเก๊าเค้ามีการจุดธูปแบบที่เป็นขดๆ วงๆ ด้วย สีเหลืองๆ ที่อยู่ด้านบนนี่แหละ มีหลายขนาด รู้สึกว่าใหญ่สุดจะจุดได้ 1 เดือน
ปีนเขาขึ้นไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมเสร็จ ลงมาเดินดูรอบๆ ซักนิด ก็พากันยกขบวนขึ้นรถเมล์ไปยังจุดหมายต่อไป ด้านล่างนี่เป็นตู้ไปรษณีย์ ทั้งสี และขนาดได้ใจมากๆ
หลังป้ายรถเมล์เป็นที่จอดรถ มีทรานส์ฟอร์เมอร์สจอดอยู่คันนึง...ไงล่ะ
รถเมล์สาย 10 นั่งกลับไปเซนาโด้ สแควร์
ลงรถแล้วก็มุ่งหน้าไปหาข้าวเที่ยงกินกัน ไปที่ร้านนี้...Chan Kong Kei Casa De Pasto ตามลายแทงที่ได้มา ถึงหน้าร้านปรากฎว่าต้องต่อคิว เพราะเที่ยงพอดี และคนเยอะจัด ได้นั่งแยกกัน 2 โต๊ะอีกตามเคย โต๊ะเราสั่งหมูแดง ไก่ และเป็ด 1 จาน พร้อมกับผัดผัก 1 จาน นั่งกันผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 2 คน ไม่รวมอาเจ็กอาซิ่มที่นั่งกินอยู่ก่อนอีก 2 คน 6 คนเบียดกันในโต๊ะกลมเล็กๆ 1 ตัว
นั่งกินกันวุ่นวาย อาเจ็กกะอาซิ่ม 2 คนนั่นลุกไป อาเจ็กคนใหม่อีกคนมานั่งคนเดียว นั่งฟังเรา 2 คนจัดการกับเด็ก 2 คนซักพัก อาเจ็กก็ทักเป็นภาษาอังกฤษว่ามาจากเมืองไทยเหรอ....คุยกันซักพัก อาเจ็กถามว่า เราไม่ได้สั่งเป็ดย่างมากินหรอกหรือ ร้านนี้เป็ดอร่อยมาก ไม่เหม็นสาบเลยซักนิด...ได้คำตอบจากเราไปว่า สั่งแล้ว แต่เป็ดหมดไปแล้ว ฝีมือการทำลายล้างของเด็ก 2 คน ผู้ใหญ่ได้ชิมเป็ดกันคนละชิ้น และมันก็อร่อยจริงๆ ซะด้วยแหละ ใครไปมาเก๊าอย่าลืมไปชิมเป็ดร้านนี้เด็ดขาด และถ้าจะให้ดี ซื้อมาฝากด้วย จะขอบคุณอย่างยิ่ง 555 (ใครจะไป ถามทางมาได้ เราจำทางแม่น)

กินอาหารเสร็จ กระเพาะขนมหวานเริ่มทำงาน ใกล้ๆ กันมีร้านทาร์ตไข่ชื่อดังอยู่ร้านนึง สังเกตจากแถวหน้าร้านได้ ยาวมาก
เด็กๆ นั่งรอขนม
ผู้ใหญ่ก็รอขนม
ผู้ใหญ่คนนี้ก็รอด้วยใจจดจ่อเหมือนกัน
ในที่สุดทาร์ตไข่อันลือชื่อของมาเก๊าก็มาอยู่ในมือเรา....
เด็กๆ ชิมกันคนละนิดเพราะมันยังร้อนอยู่
กินกันเสร็จก็มีการออกกำลังกายซ้อมเด็ก
เดินกันต่อไปอีกนิดก็ถึงเซนาโด้ สแควร์ เป็นจัตุรัสกลางเมือง คนเยอะมาก ใกล้คริสมาสต์ แถมเป็นวันเสาร์อีกต่างหาก ธีร์กะปรานต์ขึ้นไปถ่ายรูปบนเวทีกัน
น้ำพุกลางลานถูกแปลงร่างให้กลายเป็นต้นคริสมาสต์ มีซานต้า ตุ๊กตาหิมะ และกล่องของขวัญรายล้อม


ข้างๆ ลานน้ำพุมีร้านขายเกาลัดคั่ว...ที่คั่วเกาลัดหน้าตาเหมือนโม่ผสมปูน 555
เดินฝ่าฝูงชนตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึงโบสถ์ St'Dominic การท่องเที่ยวมาเก๊าบอกว่าโบสถ์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นโบสถ์ที่มีศิลปกรรมทางศาสนาที่งดงามที่สุด เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างสไตล์บารอคและโคโลเนี่ยล...ซึ่งก็ดูสวยจริง ปูนปั้นด้านนอกดูสวยงามอ่อนช้อยมาก
เข้าไปวนดู 1 รอบ พร้อมกับเป็นไกด์เด็กจำเป็น อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ให้ธีร์กับปรานต์ฟังอย่างคร่าวๆ เดินออกมารอพลพรรคถ่ายรูปกับประตู กับฝูงชนไปตามเรื่อง ถูกธีร์ดึงให้เข้าไปเล่าเรื่องให้ฟังอีกรอบ....ขอน้ำเปล่าหน่อยค้าบบบ

ออกจากโบสถ์ เดินตามป้ายบอกทาง มุ่งหน้าไปยัง Ruin of St'Paul's สัญลักษณ์ของมาเก๊า ระหว่างทางมีร้านรวงขายขนม ของกิน ของฝากสารพัด ไม่ได้ชิมซักอย่าง คนเยอะ เข้าไม่ถึง พ่วงลูกปูไป 2 หน่อ แต่ไหงธีร์ได้ชิมขนมฟระ
แล้วก็มาถึงจุดหมายจนได้
เดินวนดูรอบๆ เด็กๆ ถูกยิงปุๆ โดยกู๋คิมกะกิ๋มเจี๊ยบ
แล้วก็เดินไปดู Monte Fort กัน เด็กๆ บอกจะปีนขึ้นไปดูปืนใหญ่!!! มีม่า กะกู๋คิมตามขึ้นไป นอกนั้นขอรออยู่ทรีนเขา

ปีนเขาขึ้นไปดูปืนใหญ่ ปรานต์บอกจะเข้าห้องน้ำ ส่งปรานต์ออกไปสบทบกับม่า หม่าม้าออกมา อ้าว หายกันไปไหนหมด วิ่งลงเขาไปดูซิว่าลงไปรึยัง ยังไม่ลง วิ่งกลับขึ้นเขาไปใหม่ เจอทุกคนกำลังจะลงเขา ได้ความว่าเด็กๆ ขึ้นไปดูด้านบนต่อ 2 ศรีพี่น้องช่วยกันจินตนาการว่าหมุนและปืนใหญ่ยิงถล่มตึกโรงแรมแกรนด์ลิสบัวถล่มไปเรียบร้อยแล้ว....

สงสัยว่าจะใช้กำลังมากเกิ๊น....ลงมา 2 หน่อก็เติมพลังทาร์ตไข่กันคนละชิ้น
คราวนี้กินกันเองได้เพราะเย็นแล้ว เลียมุมปากเล็กน้อย
เดินลงไปเรื่อยๆ กลับไปป้ายรถเมล์ จะนั่งรถกลับไปท่าเรือเพื่อขึ้น Free Shuttle Bus ไป The Venetian
ขึ้นรถเมล์ผิดสายหลงกันไปเป็นหมู่คณะ สุดท้ายก็ได้ขึ้นรถฟรีสมใจ
ด้านในเวเนเชี่ยน มีทั้งฟ้าทั้งน้ำและเรือกอนโดลา หรูหราอลังการมาก
เดินไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เจอต้นคริสมาสต์ส่องแสงแวววาว วิ่งเข้าไปถ่ายรูป
จากที่ว่าจะไปกินโจ๊กปูแสนอร่อยตามลายแทง สุดท้ายทุกคนสรุปว่า กินแมคโดนัลด์กันนี่แหละ เหนื่อยเสียเหลือเกิน กินเสร็จแล้วก็นั่งรถฟรีไปลงท่าเรือ ขึ้น CotaiJet กลับฮ่องกงกันเถิด
ก่อนถึงท่าเรือ ธีร์ประกาศกร้าวว่าต้องการเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเป็นการด่วน ทำให้หม่าม้าต้องวิ่งไปตามทางที่ป๊าชี้ว่าห้องน้ำไปทางโน้น กลับมาเห็นป้ายบอกว่า "Area with free wifi" ทุกคนทำตาแวววาวและหยิบ iPhone ของแต่ละคนขึ้นมาจิ้มๆ กันใหญ่ เป็นภาพที่น่าถ่ายรูปไว้มาก แต่ไม่มีรูป เพราะไม่มีใครคิดจะถ่ายรูป 555

กลับถึงฮ่องกงด้วยความเหนื่อยล้า และเมาเรือ CotaiJet ลำใหญ่และดูดีกว่า TurboJet มาก แต่สงสัยพวกเรานั่งด้านหลังเกินไปเลยเมากันหมดซะงั้น แล้วก็หมดไปอีกวัน....

No comments: