วันศุกร์ที่ผ่านมา ห้องเรียนของธีร์มีนิทรรศการเล็กๆ เรื่อง "โครงการไข่มหัศจรรย์" ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมแบบ project approach เรียน-สอนในเรื่องที่เด็กสนใจอยากเรียนรู้จริงๆ (ฟังดูดีมาก...) เด็กๆ ห้องธีร์ลงคะแนนเลือกเรื่องที่ตัวเองสนใจมากที่สุด ซึ่งก็คือเรื่อง "ไข่" นี่เอง
ตอนบ่ายวันศุกร์ ไปถึงโรงเรียนธีร์ ห้องเรียนต่า่งๆ ก็มีนิทรรศการเรื่องต่างๆ กัน มีเรื่องไข่ มะพร้าว มะม่วง แล้วก็อะไรอีกเรื่อง หม่าม้าจำไม่ได้แล้ว...มีการตกแต่งห้องเรียนให้เข้ากับหัวเรื่องด้วย
ห้องเรียนธีร์ พอเข้าไปก็จะมีสาวน้อยพริตตี้คอยทักทายผู้ปกครองเข้าสู่ "โครงการไข่มหัศจรรย์" แจกโบรชัวร์ และมอบของที่ระลึกให้....ซึ่งทั้งหมดนี้มาตามคำเตือนของคุณครู มาเป็นระยะๆ ด้วยความวุ่นวายตามประสาเด็กเล็กๆ แต่ก็เป็นความพยายามที่น่ารักดี (เห็นอะไรมันสะกดผิดก็เมินๆ มันไปบ้างเนาะ)
3 อาทิตย์ที่ผ่านมา คุณครูก็สอนเรื่องไข่หลายๆ อย่าง เช่นว่า มีอาหารหรือขนมอะไรบ้างที่ทำจากไข่ ไข่จม-ไข่ลอยเป็นไง มีการดองไข่เค็ม มีงานศิลปะจากครอบครัว (ซึ่งไม่มีผลงานจากครอบครัวเรา....เพราะเราไม่เห็นรู้เรื่องว่าต้องทำ แล้วทำไมเราถึงไม่รู้....ก็ไม่รู้เหมือนกัน....หลายไม่รู้จริงๆ) แล้วก็มีงานศิลปะของเด็กๆ ที่ทำกันที่โรงเรียน เช่นการขดเชือกเป็นรูปไข่ วาดรูป ระบายสี ทำกรอบรูปด้วยเปลือกไข่ ฯลฯนี่เป็นรูปเจ้าของกับผลงานศิลเปรอะ หม่าม้าเลือกมาเฉพาะรูปของธีร์เนื่องจากของคนอื่นสวยงาม ไม่เละเทะ กลัวการเปรียบเทียบแล้วธีร์จะเสียใจ 555
ของที่ระลึกเป็นรูปไข่ในรังทำจากแป้งปั้น (จะดูกันออกมั้ยเนี่ย) ดูหน้าตาแล้วน่าจะเป็นผลงานของเด็กๆ เอง โดยคุณครูนำไปทำแพคเกจจิ้งให้
ในโบรชัวร์ คุณครูให้รายละเอียดว่าผลที่ปรากฎแก่เด็กก็คือ ด้านร่างกาย จะมีการพัฒนากล้ามเนื้อ เคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะ ด้านจิตใจและสังคม เด็กๆ ก็จะสนุกสนานในการทำกิจกรรม รู้จักการมีน้ำใจ ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รู้จักทำงานเป็นกลุ่ม ฝึกการเป็นผู้นำและผู้ตาม ส่วนด้านสติปัญญา เด็กๆ ก็จะรู้จักการสนทนา ถามคำถาม แสดงความคิดเห็น ใช้ภาษาสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจ
อ่านแล้วทีแรกหม่าม้าก็คิดว่า จริงเร้อ...เด็กเล็กๆ ตัวแค่นี้เนี่ยนะ...ทำกิจกรรมแล้วได้ผลแบบนี้เลยเหรอ...แต่ฝคิดอีกที อย่างน้อยๆ นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ดีนะ...ซึ่งอาจจะส่งผลในระยะยาววววววว ก็ได้ ใครจะไปรู้ 555
วันเสาร์ที่ผ่านมา ธีร์ไปหาคุณหมอฟันเป็นครั้งแรก หม่าม้าตั้งใจว่าจะให้คุณหมอตรวจฟัน แล้วถ้าเป็นไปได้อาจจะเคลือบฟลูออไรด์กัน
ผลปรากฎว่า ทำแค่ให้คุณหมอดูฟันอย่างรวดเร็ว เพราะธีร์แหกปากด้วยความตกใจปนหวาดกลัว คุณหมอแนะนำให้เปลี่ยนกลับมากินนมจืด (หลังจากที่ต้องไปกินนมน้ำผึ้ง ไมโล โอวัลตินอยู่นาน...คนใจดีในบ้านเราเยอะ และของหวานมักจะอร่อยกว่าเสมอ 555) กินยาคูลท์ได้ แต่ไม่ควรกินนมเปรี้ยวกล่องๆ เพราะน้ำตาลเยอะ นมน้อยมาก ไม่เหมาะๆ เพราะนอกจากจะทำให้ฟันผุแล้ว ยังทำให้ธีร์เป็นเด็กงอแง หงุดหงิดง่าย เพราะระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนแปลงบ่อย ขนม ทอฟฟี่ ของหวานต่างๆ ควรให้กินเป็นเวลา และแปรงฟันทุกครั้งหลังอาหารโดยผู้ใหญ่เป็นคนทำให้ คุณหมอว่าเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบยังคงต้องให้ผู้ใหญ่ดูแลฟันให้ ถ้าดูแลฟันได้ดี การเคลือบฟลูออไรด์อาจจะไม่จำเป็น....อีก 3 เดือนมาดูฟันกันใหม่
อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่มีอะไรตื่นเต้น ธีร์ไม่งอแง ดื้อรั้นเท่าอาทิตย์ก่อน สงสัยเป็นผลจากการลดน้ำตาล และวิธีการควบคุมอารมณ์ขั้นสูงของหม่าม้า 555
คราวนี้มาแนวจริงจังซะมาก อากาศมันร้อนอ่ะ ขำไม่ค่อยออก หุ หุ หุ (แก้ตัวไปได้เนาะ)
2 comments:
ทำไมงานของศิลเปรอะของธีร์ มันมีแรงบันดาลใจแบบอารต์เหรอ ดูยังไงมันก็ไม่เห็นมีไรที่จะไปเกี่ยวข้องกะไข่ได้เลยน๊า..อิอิ
เจอ Wellcome ไป ก็ใช้ได้นะ ... มีพาบ่อน้ำมาด้วย
ปล. รูปของสมธีร์ art จะตาย ธีร์คับ อยากส่งไปร่วมงานให้คนอื่นประมูลภาพวาดของธีร์มั้ยคับ เดี๋ยวอิ๊บีจัดการให้ ... อิ อิ อิ
Post a Comment