กินข้าวเสร็จแล้ว ป๊าก็พาธีร์ไปห้องน้ำชิ้งฉ่อง เพราะหลังๆ มานี่ ตอนกลางวันธีร์ก็เลิกใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป แล้วก็พยายามหัดให้บอกตอนปวดฉี่แล้วพาไปห้องน้ำซะ ธีร์ก็บอกได้บ้างไม่ได้บ้าง บางทีก็มีกะปริดกะปรอยออกมาเล็กน้อยก่อนจะบอก
แต่ที่แน่ๆ ธีร์สามารถบอกตอนปวดอึได้แล้ว ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้บอกออกมาเป็นภาษาพูด จะแสดงออกด้วยการกระทำมากกว่า ท่าเดินกระมิดกระเมี้ยน บิดๆ มา (ซึ่งทุกครั้งจะบอกหม่าม้าคนเดียว) กระซิบกันเบาๆ ว่าปวดอึ๊....
ป๊าพาธีร์ไปห้องน้ำเสร็จ กลับมาหาหม่าม้าที่กำลังกินข้าวเที่ยงของตัวเองอยู่ กินผลไม้อยู่ซักพัก ธีร์ก็บิดตัวไปมา กระดุ๊กกระดิ๊ก กระซิบกระซาบมาว่าปวดอึ...หม่าม้าได้รับเกียรติพาธีร์ไปห้องน้ำ ป๊าพาไปมักจะไม่ได้ผลที่ดี (แหวะ)
หลังจากธีร์ทำธุระในห้องน้ำเสร็จแล้ว หม่าม้าก็บอกให้ธีร์รอซักครู่ อย่าเพิ่งเปิดประตูออกไป ธีร์เชื่อฟังโดยดี แต่มือก็แตะที่กลอนประตูอยู่เป็นระยะ...และระหว่างรอ ธีร์คงว่างเกินไป ธีร์ก็ตะโกนออกมาว่า "ช่วยด้วย ช่วยด้วย ชั้นอยู่ในนี้ มีใครอยู่ข้างนอกมั้ยยยย" !!!!!!
ผลน่ะเหรอ...หม่าม้ารีบพาธีร์ออกจากห้องน้ำโดยไวก่อนที่จะมีใครโผล่มาช่วยธีร์ในห้องน้ำนั่นแหละ...เฮ้อออ! รอดมาได้หวุดหวิด
นอกจากนี้ ธีร์ยังมีทักษะในการดัดแปลงคำพูดให้เป็นของตัวเองอย่างเหมาะสมกับเวลา และสถานการณ์เป็นอย่างยิ่ง ล่าสุด หม่าม้ากะป๊าคุยกัน เรื่องอะไรจำไม่ได้แน่ ป๊าก็บอกหม่าม้าว่า "ทุเรศว่ะ" ธีร์ได้ยินก็หันมาหาหม่าม้าแล้วก็บอกว่า "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้ทุเรศ"...ขอบใจมากลูก!
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เวลาพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่คนอื่นๆ พูด เด็กๆ มักจะได้ยินและนำมาใช้บ้างเหมือนกัน อีกกรณีที่เห็นได้ชัดก็คือ ธีร์ไปรื้อกล่องของเล่นเปล่าๆ ออกมา คุ้ยๆ แคะๆ พยายามแกะกล่องออกมาดูว่าข้างในมีอะไร ระหว่างแกะ ธีร์ก็พูดว่า "แกะยังไงวะ"....หม่าม้าร้องเจี๊๊ยกกกก ในใจ และบอกธีร์ว่า "แกะยังไงนะ" ธีร์พูดผิด...แต่ระดับธีร์แล้ว คงรู้แหละว่าไม่ได้พูดผิดซักกะหน่อย แต่ทำเงียบๆ เอาใจหม่าม้าไปก่อนก็แล้วกัน