Friday, September 28, 2007

ไม่มี๊ ไม่มีอะไรจะอัพเจรงๆ

หม่าม้าได้รับคำขอร้องแกมบังคับกลายๆ จากหลายๆ คนว่าอัพบล๊อกซะทีสิจ๊ะคุณ อย่าทำเป็นขี้เกียจ

ช่วงอาทิตย์นี้หม่าม้ายุ่งมากๆ ครับ หม่าม้ายุ่งกับกิจกรรมแม่บ้าน...นั่งถักหมวกอยู่อย่างขะมักเขม้น (อย่าทำเป็นอึ้งๆสิ)แถมช่วงนี้ธีร์ก็ไม่ได้สร้างวีรเวร วีรกรรมอะไร มีแต่มุขเดิมๆ

แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ หม่าม้าหมดมุข เอาความชั่วของตัวเองมาประจานก็ได้ นี่เห็นแก่แฟนๆ ของน้องธีร์นะเนี่ย เดี๋ยวจะขาดใจตายระหว่างวันหยุด

รูปนี้ถ่ายเมื่อวานตอนเช้า หม่าม้าได้รับ mms จากพี่ส้มที่เคยทำงานบริษัท TA Orange...(บริษัทที่ไม่มีชื่ออยู่อีกต่อไปแล้วในโลก)ส่งรูปลูกสาว น้องโบนัส (ที่หม่าม้ามักจะสับสนชีวิตเรียกว่า โฟกัสอยู่เรื่อย ไม่รู้เพราะอะไร) หม่าม้าก็เลยอยากส่งรูปธีร์ไปให้ป้าเค้าดูบ้าง แต่ธีร์ก็วิ่งไปวิ่งมาไม่อยู่นิ่งให้หม่าม้าถ่ายรูป สุดท้ายหม่าม้าหมดหนทาง เอากีบหลัง เอ้ย! ทรีน ยันธีร์ไว้เล็กน้อยแต่พองาม (สิ่งที่ธีร์จับไว้นั่นแหละค่า)ถ่ายรูปส่ง mms ไปอวดป้าเค้าได้บ้าง ถ้าตัดเอาเฉพาะหน้าธีร์ก็ยังพอโชว์ชาวประชาได้บ้างเพราะยิ้มแย้มดีอยู่ เลื่อนสายตามาด้านล่างอาจจะตกใจเล็กน้อย ทำไมนิ้วมือหม่าม้ามันสั้นๆ ผิดปกติ 555 (เป็นคนชั่วแล้วยังมีหน้ามาชอบใจอีกเนาะ...)



Mama was asked/commanded/requested by so many Thee's so called "fan club" to update this webblog.

This past week Mama was busy doing the monk's cap/hat. And Thee didn't do anything impressing enough to show&tell.

Anyhow, for all the fans, Mama decided to show this picture!

Yesterday morning, Mama got an MMS from the old colleague P'Som sending the photo of her beloved "Bonus" daugther. Mama just wanted to send some photo of Thee back but Thee just didn't stay still. Finally, Mama decided to place her little foot on Thee's little belly to stop him from running around!!!

Tuesday, September 25, 2007

เรียบๆ

เราสองคนอพยพกลับมาบ้านนครปฐมกันแล้วตั้งแต่วันอาทิตย์

อยู่บ้านนี้เราก็อยู่กันแบบเรียบๆ ไม่วุ่นวายเหมือนที่บ้านสายสี่ เนื่องจากปริมาณคนไม่เท่ากัน และช่วงนี้ป๊าของธีร์ก็ป่วย ทอนซิลอักเสบ วันก่อนให้หม่าม้าเอาไฟฉายส่องดูคอ...น่ากลัวเหลือคณา

ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ หม่าม้าก็จับธีร์ใส่แว่น ขี่รถ ถ่ายรูปขำๆ มาลงบล๊อก

แว่นตาอันนี้ของใครไม่รู้ มาทิ้งไว้ที่บ้านเรานานละ ดูสไตล์แล้วใกล้เคียงกะของน้าหญิง ณ ลันดั้น...แต่ she คงไม่เอาของแบบนี้มาทิ้งไว้ที่บ้านเรา

เก๊กท่าถ่ายรูปกะรถ...ที่ขาสั้น ถีบไม่ถึง หม่าม้าเป็นแรงส่งด้านหลัง
ท่าทางเหมือนขี่ harley เลยวุ้ย สมธีร์...
We came back to Nakornpathom home since Sunday and live a quiet & peaceful lives! Papa is sick right now...

Not much to do...so Mama just took Thee's funny pictures to post on webblog!

Saturday, September 22, 2007

1 อาทิตย์

1 อาทิตย์ผ่านไป ไวเหมือนโกหก วันนี้น้าบีสุดที่เลิฟของธีร์ก็จะเดินทางกลับไปค้าแรงงานในแมวเบิ้นต่อแล้ว

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา น้าบีก็ได้ใช้เวลาพาธีร์ไปเว่นๆ ป้อนขนม ชอคโกเลต นมชมพูให้ธีร์อย่างจุใจธีร์ (แต่อาจจะยังไม่ค่อยจุใจน้าบีก็เป็นได้) ล่าสุดถึงกับมีความพยามยามจะขนธีร์ใส่กระเป๋าแพ๊คไปด้วย ซึ่งธีร์ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นัยว่าอยากไปเที่ยวเมืองนอกกะเค้าบ้าง อยู่บ้านนามาปีกว่าแล้ว...



ส่วนรูปนี้ เค้าทำไรกันก็ไม่รู้ แต่ธีร์บอกว่า "เหมือน..." ค้าบบบบบ

เมื่อเช้าธีร์ตื่นมามองซ้ายมองขวาแล้วพูดว่า "มด" หม่าม้าตกใจนิดๆ มดมาจากไหนหว่า จะกัดธีร์รึเปล่า แต่ก็ยังงัวๆ เงียๆ อยู่ ถามธีร์กลับไปว่า "มดเหรอลูก มีมดอยู่บนเตียงเราเหรอ" ธีร์ตอบว่า "ใช่" หม่าม้ารีบถามว่าไหนๆ ลูก มดอยู่ไหน ธีร์ก็ชี้ไปที่ปลอกหมอนข้าง...รูปไอ้มดแดง!!!!

ขอบใจมากธีร์....ว่าแต่ว่ารู้จักไอ้มดแดงด้วยเหรออออออ

Time flied...Tonight, Auntie Be will fly back to Melbourne to work.

The past week is Thee's happy week. There were a lot of chocolate, sweets, strawberry milk and uncountable trips to 7Eleven. That might not enough for Auntie Be as we can clearly see that she tried to pack Thee in her luggage! Thee cooperates very well....probably wants to go abroad!

Last photo...Mama just don't know what happened...but Thee said "muen (means look alike)".

Wednesday, September 19, 2007

หมวกพระ กะน้องเบอรี่

ห้องงานฝีมือของพันทิพชักชวนกันให้ถักหมวกไหมพรมไปถวายพระหน้าหนาว หม่าม้าเห็นแล้วก็เกิดอาการกระดี๊กระด๊าอยากถักกะเค้าบ้าง ใจรักแต่ความอดทนต่ำมากถึงมากที่สุด มีงานประเภทนี้กองอยู่เต็มบ้าน เป็นโปรเจคท์ที่ขึ้นต้นแล้วไม่เคยจบ มีทุกประเภทตั้งแต่ครอสติส ควิลท์ โครเชต์ และนิตติ้ง...อันหลังนี้ไม่รุ่งอย่างแรง เคยทำผ้าพันคอแล้วความกว้างไม่เท่ากันเลยซักกะแถวตลอดผืน ถือเป็นงานแนว ab...abnormal อย่างแรง ไม่นับรวมถึงการทำขนมที่เป็นเจ้าแม่อุปกรณ์ดีเด่น แต่ไม่เคยทำจริงจังให้สมราคาอุปกรณ์ และวัตถุดิบที่มีอยู่ซักกะที

หลังจากอยากอยู่ซักพัก ก็ไปเปรยๆ กะป๊าว่าอยากถักหมวกไปถวายพระ (กะเค้าบ้าง) ป๊าถามว่าจะเอาไปถวายพระที่ไหน...ไปซื้อเค้าเหอะเธอ (ขอบใจมาก) พอไปบอกม่า ม่าก็บอกว่า อย่าเลย ไม่เคยทำสำเร็จซักกะอย่าง (ขอบใจม่ามากเช่นกัน)

ในที่สุด หม่าม้าก็เกิดฮึดต้องการลบคำสบประมาท ไปเสาะหาไหมพรมกะเข็มถักโครเชต์เบอร์บิ้กเบิ้มมาได้ กะว่าคราวนี้สำเร็จชัวร์ แป๊บเดียวก็เสร็จ ชิ้นแรกทำกระเป๋า ถักไปถักมา เริ่มความอดทนต่ำ แทนที่จะถักมัน 2 ชิ้นเอามาประกอบกระเป๋า ชิ้นเดียวพับครึ่ง ทำกระเป๋าใส่เศษสตางค์ไปละกัน...อย่างน้อยมันก็สำเร็จ และถ้าไม่บอกใครก็ไม่มีใครรู้ใช่มะ ว่ามันเป็นการลดความพยายามลง 555

ความอยากทำกระเป๋าจบไป เริ่มต้นทำหมวกถวายพระ ใบแรกทำเมื่อวาน ใช้เวลา 1 วันกะ 1 คืน ได้กระถาง เอ้ย! หมวกเบบี๋มาแทนเนื่องจากถักผิด ขนาดที่ได้กลายเป็นหมวกเบบี๋ (เล็กขนาดที่ธีร์ก็ใส่ไม่ได้ 555) เอาใหม่ เริ่มใบสอง ผลงานออกมาอยู่บนหัวธีร์นี่แหละ ยังไม่เสร็จดี แต่ไหมหมดม้วนไปละ ทุกคนลงความเห็นว่า พระคงใส่ไม่ได้หรอก เล็กซะขนาดนี้ เป็นของธีร์ล่ะพอไหว แต่หม่าม้ายังยืนยันว่าคราวนี้ถักถูกต้องตามแบบ และหมวกใบนี้มีความยืดหยุ่นสูง พระคงใส่ได้น่า 555



ส่วนอันนี้ เป็นธีร์สตรอเบอแหล เอ้ย! ธีร์กะนมสตรอเบอร์รี่ ที่เจ้าตัวเดินทางไปเลือกเอง ซื้อเอง มาจาก 7Eleven เมื่อเช้า หลายวันก่อนอาม่าเอานมที่ธีร์กินไม่หมดไปใส่น้ำหวานแดง ธีร์เห็นของแปลกก็ขอชิม หลังจากนั้นก็นิยมนมสีชมพูมาโดยตลอด ออกแนวหวานไปซะละ
Mama saw in a craft webboard asking people to do crochet/knitting cap to offer to the monks in the northen part of Thailand to use in the upcoming cold season. This kind of work is never be finished in Mama's whole life history!?! There were a lot of unfinished crosstich, quilt, knitting and crochet projects....not to mention cooking part!

When Mama told Papa about this project, Papa asked where to donate...and then he just said Mama should better go and buy it. Thanks a lot. When Mama told Grandma, she said shouldn't...you have too many unfinished project! Thanks again!

Finally, Mama, who always great at equipments, got the yarn and big size crochet needle. First project is bag. Half done and too lazy to do another half. Mama just folded the first part and put the zipper on it...turning it to coin purse! At least, no one will know that this is only half of what Mama first intended to do, right?

After the bag project, the monk cap started. The first one is wrongly made and turned out to be a baby size cap...even Thee cannot wear it. Done the baby cap, the second cap started...the nearly finished project is on Thee's head. Everyone said that the monk will not be able to wear it though...too small. But Mama firmly said that this time everything is right according to the pattern and the cap is expandable. The monk should be able to wear it lahhhh....Mama hopes!!!

Tuesday, September 18, 2007

มนต์

สงสัยว่าช่วงนี้ธีร์จะไปวัด หันหน้าเข้าทางธรรมมากเกินไปรึเปล่า ทุกครั้งที่พระสวด ธีร์ก็จะพนมมือ หยุดโวยวาย วุ่นวาย นั่งเฉยๆ และพยายามสวดมนต์ตามพระด้วย เริ่มจาก นะโม โมเม อะไรของธีร์ไปเรื่อย จนล่าสุดสามารถคลอตอนพระให้พร ยถาสัพพีฯ ได้แล้ว คาดว่าคราวหน้าจะส่งไปบวชเณรอยู่ให้พระกู๋เลี้ยงได้ 555

วันนี้ ระหว่างนั่งรอถวายเพลพระ หน้ากุฏิ ก2 ของพระกู๋

ระหว่างรอพระฉันเพล ธีร์ก็ฟังเพลง พร้อมกระดิกตรูดเข้าจังหวะ (อันนี้มีวีดิโอ ถ่ายจากมือถือ แต่ไม่สามารถอัพโหลด หรือแปลงไฟล์ให้อัพโหลดได้ กรุณาจินตนาการเอาเอง)ผ้ากันเปื้อนอันใหม่ที่ซื้อมา ราคา 20 บาท ยอมใส่เพราะเห็นว่าใส่แล้วน่ารัก!?! เอาไว้ป้องกันการคายข้าวใส่เสื้อผ้า ตอนไม่กินแล้ว (โว้ยยยยย) ป้อนกันอยู่ได้

Thee probably goes to the temple too often lately. He now can murmur along when the monks pray...

2 Pictures above are taken at the temple. The last picture is taken with new apron to keep Thee clean while eating his meal.

Saturday, September 15, 2007

ขวบครึ่ง

ธีร์อายุครบขวบครึ่งแล้วนะครับ ฉลองด้วยการไปฉีควัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน และบาดทะยักเข็มที่ 3 กะป้าหมอ เป็นการฉลองอายุครบขวบครึ่งที่น่าสนใจจริงๆ ตามที่คุณหมอนัด พออายุครบ 2 ขวบ ก็จะได้ไปฉลองด้วยวัคซีนอีกเหมือนกัน 555

อายุครบขวบครึ่ง ธีร์ก็พูดได้มากขึ้น จากที่เคยพูดได้แค่คำเดียว เดี๋ยวนี้ก็พูดคำที่มี 2 พยางค์ได้บ้าง เช่น หม่าม้า ป่าป๊า โม...อิ๊ (มันมีอะไรใหม่ตรงไหนเนี่ยยยย) เดินได้เร็วขึ้นมากจนน่าส่งไปแข่งเดินทนในโอลิมปิกก่อนอนุบาล น่าจะได้เหรียญกะเค้าบ้าง เนื่องจากธีร์ไฮเปอร์ฯ สุดๆ บางวันเดินมันทั้งวัน วนไปเวียนมา เข้ามุมนั้น ซุกมุมนี้ ตามกันแทบไม่ไหว จะจับขังก็ไม่ได้เพราะเริ่มปีนป่าย นอกจากนี้ก็ยังฉายแวว manager ขนานแท้ สั่งให้คนโน้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการ เช่น นั่ง (สั่งหม่าม้าเป็นรายแรก) หยิบ เปิด วางฯลฯ และไม่รับฟังความเห็นของคนอื่น

น้ำหนักล่าสุด 12.4 กิโลกรัม สูง 80 เซนติเมตร รอบหัวไม่ได้วัดแฮะ ป้าหมอว่าวัคซีนพื้นฐานฉีดครบแล้ว ขาดวัคซีนไฮโซที่ยังไม่ได้ฉีดคือ วัคซีนไอพีดี (สำหรับคนที่ไม่รู้ วัคซีนนี้เข็มละประมาณ 2,000 บาท++) หม่าม้าถามคุณหมอแล้วว่าจำเป็นมั้ย คุณหมอตอบว่าในเมืองไทยไม่ถึงกับจำเป็น เพราะพบโรคอยู่ประมาณ 25% ฉีดแล้วป้องกันโรคได้ประมาณ 75% (อย่าเอาไปอ้างอิงที่ไหน จำมาโม้ผิดรึเปล่าก็ม่ายรุ) อายุประมาณธีร์นี่ต้องฉีด 2 เข็ม แต่ถ้าครบ 2 ขวบแล้วจะฉีดแค่เข็มเดียว วัคซีนจะช่วยเรื่องป้องกันการติดเชื้อแล้วเป็นคออักเสบหรืออะไรเทือกนี้ได้ หม่าม้าก็ตัดสินใจเอาเองว่า ครบ 2 ขวบค่อยคิดอีกทีว่าจะฉีดมั้ย ตอนนี้ก็ทำตัวแข็งแรงร่าเริ่งไปก่อนนะธีร์ อีกหกเดือนเท่านั้นก็จะฉีดแค่เข็มเดียวเอง ประหยัดการเจ็บตัวและเพิ่มเวลาสะสมเงินทีละ 3 อีแปะของเราไปได้อีกตั้ง 6 เดือน!?!

วันนี้ธีร์ไปรับน้าบีที่อพยพหนีหนาวกลับมาชั่วคราว (อีกแล้ว) ที่วัด พร้อมกับถวายเพลพระกู๋ไปด้วย ระหว่างที่รอพระฉันเพล หม่าม้าก็ไปทำอัลตร้าซาวน์ที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช ก่อนไปก็บอกพระว่าซิลิโคนที่ทำนมไว้มันแตก นมเบี้ยวต้องไปหาหมอ (บาปมั้ยเนี่ยตรู) ฝากลูกไว้ในความดูแลของทุกๆ คนด้วย หลายคนที่ได้ยินถึงกับทำหน้ามึนๆ หม่าม้ามามุกไหนฟระเนี่ย

จริงๆ แล้วที่ไปหาหมอเพราะ 4 ปีก่อนเจอกลุ่มก้อนเล็กๆ ในเต้านม หลังจากนั้นหม่าม้าก็มีนัดกะหมอทุกปีเพื่อไปความคืบหน้าของอาการ (ที่ไม่ได้เป็นอะไร) ปีที่แล้วไม่ได้ไปเพราะติดภารกิจแม่ลูกอ่อน และหลังจากเลื่อนนัดกะคุณหมอ คุณหมอผู้โด่งดังไปต่างประเทศ คลาดกันมาได้ 2 ปี คราวนี้ก็จะได้ไปตรวจกันซักที โดยที่อาทิตย์นี้ต้องไปทำอัลตราซาวน์ไว้ก่อน คุณหมอที่ทำอัลตราซาวน์พูดว่าไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย บางวันมีเคสให้ตื่นเต้นกัน 3-4 รายติดๆ กัน หม่าม้าฟังแล้วก็อดตอบคุณหมอไปไม่ได้ว่า...ไม่มีอะไรตื่นเต้นก็ดีแล้วค่ะคุณหมอ เสาร์หน้าหม่าม้าก็ต้องหอบสังขารไปพบคุณหมอคนดังอีกที อ้อ! อ่านแล้วอย่ามาถามนะว่าทำไมถึงทำอัลตราซาวน์ ไม่ทำเมมโมแกรม อันนี้ไม่รู้จริงๆ ค้าบ

ตอนที่ไปกินข้าวกะน้าบี อี๊โม และธีร์หลังจากตรวจที่โรงพยาบาลเสร็จ ธีร์ผู้ซึ่งน่าจะได้รับน้ำตาลในกระแสเลือดมากเกินไปทำให้หลับไม่ลงออกอาการวุ่นวายเกินเหตุ ทำให้เรา 3 คนที่ผลัดกันกินข้าวและอุ้มธีร์ไปสำรวจโลก โต๊ะข้างๆ เป็นคุณป้า 2 คนมากินข้าวด้วยกัน...ธีร์นั่งมองเค้าอยู่สักพักแล้วก็พูดว่า ม่า ม่า ... น้าบี อี๊โม และหม่าม้าปาดเหงื่อกันเล็กน้อย ดีนะเนี่ยป้าเค้าไม่ได้ยิน ไม่งั้น.....เจี๊ยกกกกกกกก

Thee is now one and a half years old and celebrated by seeing the doctor for vaccine injection!

Thee can now say more of two-word words and becomes little manager who commands people around to do things like sit, take, put it down, etc. His weight is 12.4 kg. and height is 80cm.

Wednesday, September 12, 2007

หนังสือ แว่นตา และยันกันตก

หม่าม้ากะธีร์เริ่มต้นอ่านหนังสือด้วยกันมาตั้งแต่ธีร์อายุประมาณ 1 ขวบ แรกๆ เราก็อ่านหนังสือเด็ก เช่น "สวัสดี สวัสดี" "ขอบคุณ ขอบคุณ" "ขอโทษ ขอโทษ" "กอ เอ๋ย เจ้า กอไก่" ฯลฯ เริ่มต้นจากหนังสือ 3 เล่ม เดี๋ยวนี้ธีร์มีมุมสำหรับวางหนังสือเป็นของตนเองแล้ว เรามักจะอ่านกันก่อนนอนทั้งกลางวันและกลางคืน โดยมีคนนึงอ่าน คนนึงนอนเฉยๆ ดูรูป (กรุณาเดาให้ถูกว่าใครอ่าน ใครนอนดูรูป)

ช่วงหลังๆ การอ่านของเราพัฒนาเป็นหม่าม้าอ่านไปเหอะ ธีร์ก็จะพูดพยางค์สุดท้ายของประโยคนั้นซ้ำๆ จนกว่าหม่าม้าจะอ่านไปถึง สงสัยจะบอกเป็นนัยๆ ว่าหม่าม้า ธีร์จำได้แล้ว เล่มใหม่กว่านี้มีป่ะ สงสัยว่าธีร์คงจะเบื่อหนังสือที่หม่าม้าอ่านให้ฟังบ่อยๆ มาก การอ่านของธีร์ถึงพัฒนาไปเป็น....

อ่านหนังสือพิมพ์ (สงสัยจะอ่านข่าวดาราอยู่)
อ่าน "7 เคล็ดลับรับประกัน 'สุขภาพดี' ตลอดชีพ
และ "ชีวิตติดกรรม"!!!!!
สองรูปล่างนี่ถ่ายวันนี้ก่อนธีร์ไปนอนกลางวัน หน้าตาทะเล้นทะลึ่ง รูปล่างเหมือนกะแขกทวงหนี้!!!! (หม่าม้าพูดเหมือนเคยเจอตัวจริง)

ส่วนรูปนี้ ภูมิใจนำเสนอมากถึงขนาดเก็บมาเป็นรูปสุดท้าย...ยันกันตก (โต๊ะ) ของแท้และดั้งเดิม ผลิตโดยป๊า ใครอยากได้ขอกะป๊าได้ ป๊าคงเต็มใจให้...
Thee and Mama start reading together since Thee was around 1 year old. We started with Thai children books like "hello, hello", "thank you, thank you", "sorry, sorry", etc. Right now, Thee has his own book corner!

Normally, we read before Thee went to bed/nap. Lately, our reading turned to be Mama read and Thee said the last word repeatedly until Mama read to the last word. Thee probably tried very hard to tell Mama that he is so bored with the title, please change the book!

His boresome showed clearly when he started to read newspaper (entertainment section for sure!), magazine on 7 tricks for life-time good health, and life with karma!!!! (pictures 1, 2 and 3 from top)

Picture 4+5 are taken today before Thee went to nap. Funny face with sunglasses.

Last picture....showed Papa's support! Who wants this kind of support, please asks Papa directly. He must be delighted to give you some!!! ha!ha!ha!

Monday, September 10, 2007

หม่าม้า VS สมธีร์

ป๊าเห็นรูปพวกนี้แล้วเกิดอาการเครียดมาก คิดหาหนทางวิธีอย่างหนักที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคต...สงสัยจะยากอ่ะป๊า หม่าม้าเห็นแล้วยังกลัวเลย ทำไมมันเหมือนอย่างงี้ฟระ
ธีร์กะหม่าม้า
ธีร์กะชุดดอกไม้
ธีร์ใส่กระโปรงชมพู
ธีร์โคลสอัพ! (หน้าม้าแหว่ง ธีร์เด๊ะๆ!)
Papa is so scared when he saw these pictures....and thinking seriously on how to change Thee's future. It should be very hard+difficult though....ha!ha!ha!

P.S. for those who don't get it! These are Mama's pictures around the same age as Thee's now!

Sunday, September 09, 2007

บ้านน้ำฯ

วันอาทิตย์เวียนมาอีกแล้ว ก็คล้ายกับทุกอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนเที่ยงธีร์ก็ตะแล้น ตะแล๊นไปเป็นเด็กวัด เอ้ย! ไปถวายเพลพระกู๋คิม ซึ่งเจอกันกี่ที ธีร์ก็เรียกพระว่า "คิม" อย่างสม่ำเสมอ จนโมอิ๊ถึงกะบ่นกะอาม่าว่า ทำไมทีนี้ไม่เห็นบังคับให้พูด "กู๋" บ้าง (หม่าม้าแอบคิดในใจ ถ้างั้นก็คงเป็น คิม...กู๋...พระ ยาวไป ธีร์พูดไม่ได้ และม่าก็คงไม่พยายามมากขนาดนั้น 555)

ถวายเพลเสร็จ ธีร์ก็รับพรไปพร้อมๆ กับกินข้าวเที่ยง เรียบร้อยเสร็จสรรพก็ไปเยี่ยมอาเหล่าม่าทั้งสองบ้านกัน (อาเหล่าม่า...คนนึงเป็นแม่ของอากง อีกคนเป็นแม่ของอาม่า ซึ่งกรณีหลังนี่พ่วงเหล่ากงด้วย) ให้ผู้อาวุโสมากชื่นชมกับความช่างขอของกินของธีร์กันคนละเล็กละน้อย ก็กลับบ้านกัน ธีร์ก็หลับไปด้วยความร้อนและเหนื่อยอ่อน

สี่โมงก็แล้ว ธีร์ก็ยังไม่ตื่น ร้อนรนไปถึงป๊าต้องไปปลุกๆ ขุดๆ ธีร์ขึ้นมา ตื่นได้แล้วธีร์ เรามีนัดไปกินข้าวกะเพื่อนของป๊ากะม้ากันที่บ้านน้ำเคียงดิน (ไกลบ้านมากๆ ไม่เกิน 10 นาทีจากบ้านอาม่า...ในที่สุด ความลับก็เปิดเผยว่าทำไมหม่าม้าถึงบอกให้มากินข้าวร้านนี้กัน คริ คริ)

ที่ร้านนี้เค้าเลี้ยงหงส์ เป็ด ปลา และกระต่ายไว้ล่อหลอกเด็กๆ อย่างเต็มที่ ถึงแม้จะมีป้ายปักไว้ว่าน้ำลึก 3 เมตร กรุณาดูแลบุตรหลาน (ของพวกคุณให้ดี) ด้วย ก็ตาม เด็กๆ ก็วิ่งไปวิ่งมา โปรยอาหารเลี้ยงสัตว์ทั้งหลายด้วยความสนุกสนาน ด้วยความงกของหม่าม้า ธีร์ก็ไม่ได้ให้อาหารสัตว์ตัวไหน แต่เราไปนั่งใกล้ๆ คนที่เค้ากำลังให้อาหาร รอดูหงส์ว่ายมาใกล้ๆ ให้ธีร์ดูชัดๆ ลุงติ๊กเห็นหงส์กินอาหารแล้วถึงกับพูดว่า "เหมือนเครื่องดูดฝุ่นว่ะ" เพราะมันกินอาหารเสียงดังกั๊บๆๆๆๆ ไม่หยุด

นั่งกันได้ไม่นานเท่าไหร่ ฝนก็เหมือนจะตกซะนี่ ป๊า ม้าและธีร์ก็ถือโอกาสกินแล้วหนี เอ้ย! รีบพาธีร์กลับบ้านก่อนที่ฝนจะตกหนัก รอดพ้นมาได้หวุดหวิด มีรูปลุงๆ ป้าๆ มาฝากให้ดูกันเป็นหลักฐานเล็กน้อย

ธีร์กะเครื่องดูดฝุ่นหงส์คู่

คนเสื้อดำตรงกลางคือลุงอีวาน เพื่อนชาวอินโดฯ ของป๊าและม้า ต้นเหตุของการไปกินข้าวกัน ข้างๆ หม่าม้าคือป้าเป้ ส่วนขวาสุดนั่น น้าตาดำคร้าบ

บรรยากาศการกินไปคุยไปของลุงป้าและน้า

กะป้าแจ๊คกี้ผู้ช่วยชีวิตหม่าม้าให้ได้รับอาหารในปริมาณเหมาะสมกะการดำรงชีวิตช่วงเย็น
นกหวีดของป้าแจ๊คกี้นี่ก็อร่อยดีเหมือนกันนะครับ

กะสาวที่ป้าแจ๊คฯ พาธีร์ไปจีบ เอ้ย! ไปเล่นด้วย
สุดท้าย...กะป้าเป้คนงาม ณ บางใหญ่
Sunday came so quick. As usual, Thee went to offer food to Uncle Kim the monk at the temple. We went to visit Great Grandmas (one is grandpa's mother and another one is grnandma's mother). Thee slept all the way back home.

4 o'clock Papa woke Thee up to go to dinner with friends. Ikwan, a SSEAYP friend from Indonesia, came to Thailand on business trip and met up with old friends after 11 years apart!!! Thee had a chance to meet Papa and Mama friends but the most special part of the day is to meet swans, ducks, fish and rabbits at the restaurant!!!

Friday, September 07, 2007

นาร์ "ธีร์" ซัส

2-3 วันมานี่ธีร์ก็ชอบส่องกระจกเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะส่องอะไรนักหนา เป็นนกหงษ์หยก รึว่านาร์ซิสซัสก็ไม่รู้ หม่าม้าว่าธีร์ควรได้ใช้เวลาแมนๆ กะป๊าให้มากขึ้นแล้วล่ะครับ ไม่งั้นหม่าม้าอาจจะมีโอกาสเขียนหนังสือเรื่อง "เลี้ยงลูกยังไงให้เป็นตรู๊ดดดด" ขายได้ในอนาคต 555

รูปถ่ายกันวันนี้เอง ระหว่างที่เราเล่นเอาผ้าคลุมไหล่มาแปลงร่างกัน ธีร์คลุมหัวเสร็จก็วิ่งไปส่องกระจก หัวเราะชอบใจคิกคัก ไม่ยอมให้เอาออกอีกต่างหาก ธีร์ไม่มีผมก็หน้าตาน่ารักดีนะ

วันนี้โมอิ๊ขับรถพาอากง อาม่า หม่าม้าแล้วก็ธีร์ไปกินก๋วยเตี๋ยวแม่ในมหิดล ศาลายามา เจออี๊จอยและผองเพื่อนด้วย อี๊จอยนี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของหม่าม้า แม่อี๊จอยเป็นน้องสาวของอาม่าครับ (ช่วยลำดับญาตินิดนึง)โมอิ๊เค้าได้ยินเพื่อนอี๊จอยพูดว่า "น้องธีร์ตัวจริง..." หม่าม้าฟังโมอิ๊เล่าแล้วรู้สึกประหลาดใจ ใครๆ ก็รู้จักธีร์เหรอครับเนี่ยยยย ไหนมีใครมาซ่อนตัวในมุมมืดอ่านบล๊อกธีร์บ้าง กรุณาแสดงตัวด่วนนนนน หม่าม้าอยากรู้จัก




Recently, Thee likes to look at himself in the mirror. When Mama put scarf over Thee's head, Thee just ran to the mirror and look at himself. Thee is cute without hair, isn't he?

Thursday, September 06, 2007

ธีร์คุง

ช่วงนี้ช่อง 9 เค้าเอา "ขำกลิ้งลิงกะหมา" มาฉายใหม่ตอนเย็นๆ

ถึงแม้ว่าหม่าม้าจะไม่ค่อยอยากให้ธีร์ดูทีวี ก็ทำอะไรไม่ค่อยได้ เพราะที่บ้านสายสี่นี่ เค้ามีทีวีไว้เปิดตลอดเวลา อยู่เงียบๆ แล้วเหงากัน ดูบ้างนิดหน่อยคงไม่เป็นไร (อันนี้หม่าม้าปลอบใจตัวเอง)

เมื่อวานหลังจากดูจบ ธีร์ก็เดินเล่นไปรอบๆ บ้าน ไปหยิบกระเป๋าสะพายที่เหล่าโกวยกให้ธีร์เล่นมาแขวนคอเล่น (อันที่มันกองอยู่กะพื้นนั่นแหละ) พอหม่าม้าถามว่าจะเป็นปังคุงเหรอ พาเจมส์ไปเดินด้วยมั้ย ธีร์ก็พยักหน้าหงึกหงัก

งานหนักก็เลยตกอยู่ที่นังปุย พุดเดิ้ลสีขาวมอมๆ ผู้ซึ่งกำลังป่วยอยู่นั่นแหละ โมอิ๊เป็นธุระจัดหาสายจูงมาให้ธีร์ พอได้สายจูงมาก็เดินเหมือน Charlie Chaplin ไปรอบบ้าน ไม่ยอมปล่อยสาย ปุยก็เดินนำหน้า เพราะธีร์เดินช้าจัด เดินไปปุยก็ไอเป็นระยะๆ แต่ก็ช่วยกันตามใจธีร์เหมือนกัน (เป็นกันทั้งหมดบ้าน ไม่ใช่แค่คน หมายังต้องยอมธีร์ เหอ เหอ เหอ) และเนื่องจากบล๊อกเกอร์ไม่รองรับไฟล์วีดิโอจากมือถือ เราเลยมีแค่รูปถ่ายเบลอๆ มายืนยัน

เล่าเรื่องโมอิ๊นิดหน่อย สาเหตุมาจากที่ว่าธีร์เรียกอี๊โมว่า "โม" มาโดยตลอด เพราะพูดได้พยางค์เดียว ม่าเพียรพยายามสั่งสอนให้ธีร์เรียกโมว่า "อี๊" พอธีร์เรียก "โม" ม่าก็สวนตลอดว่า "บอกให้เรียกว่าอี๊" ธีร์ก็ โม แล้วก็ อี๊ หลายๆ ครั้งเข้าเราก็พากันแซวว่าโมเป็น โมอิ๊ แค่นี้แหละ

Thee saw evening Japanese TV series and imitated. The series is about a chimpanzee called "Pan" and a bulldog called "James" who were given different task to complete each show.

Tuesday, September 04, 2007

คุณป๊า

วันนี้ป๊าโทรมาไถ่ถามอาการป่วยของพันละเมียว่าใกล้ตาย เอ้ย! ใกล้หายแล้วหรือยัง ลูกสุดที่เลิฟเป็นไงบ้าง คิดถึงป๊าบ้างมั้ย วันๆ ทำอะไรกันบ้าง เสร็จสรรพก็ร่ำร้องบอกให้อัพบล๊อก ป๊าก็สบายดีไปอัพบล๊อกสิ ได้รับคำตอบมาว่า ไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร พอคิดพล๊อตให้เสร็จสรรพ บอกให้ไปเขียนก็บอกว่าไม่เอา จริงๆ แล้วขี้เกียจชัวร์ ฟันธง!!!

เอาครับ...where where ก็ where where หม่าม้าก็จะเป็นผู้เรียงร้อยถ้อยกระทง ส่วนป๊าก็มีหน้าที่เอารูปมาแปะๆ ประกอบเรื่อง แบ่งหน้าที่เสร็จสรรพก็เริ่มเรื่อง


วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันบริโภคแห่งครอบครัว เราแดก เอ้ย! กินกันอย่างมโหฬาร นันสต๊อปปุ เริ่มวันด้วยการเอาอาหารเพลไปถวายหลวงกู๋ของสมธีร์ที่วัด พระรูปอื่นๆ ลงศาลากันหมด เพลวันนั้นก็เลยเหลือแต่หลวงกู๋รูปเดียว กับข้าว 5 อย่าง ญาติ 13 คนนั่งเมาท์รอหลวงกู๋ฉันเพลเสร็จ ให้พรแล้วก็มุ่งหน้าไปกินติ่มซำกันที่ร้านข้างๆ พันทิพ

ติ่มซำที่ร้านนี้เป็นแบบ all you can eat ภาษาญี่ปุ่นเรียก tabehoudai ภาษาจีนกลาง...ไม่เคยรู้แฮะ (ใครรู้ช่วยบอกหน่อย) หรืออีกนัยหนึ่งกินได้ไม่มีจบมีสิ้น จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้ไปนั่นเอง หม่าม้านั่งกินติ่มซำกะบรรดาญาติพร้อมกล่องทิชชู่ประจำตัวที่ขนมาจากในรถ กินกันอิ่มท้องแทบแตก ธีร์ก็ใช่ย่อย มีการถือช้อนถือส้อม กินโน่นกินนี่กะเค้าเองอย่างเอร็ดอร่อย ถึงแม้ว่าจะยังไม่หายดีนักก็ตาม
บ่ายคล้อยหลังกินกันเสร็จ ก็ยกร่างพะยูนของพวกเราไปเกยตื้นกันที่บ้านอาเหล่าม่าของธีร์ เยี่ยมเสร็จก็กลับบ้าน หม่าม้าตัดสินใจว่า ถ้ากลับนครปฐมไปรบกะธีร์โดยลำพัง ไร้กองหนุนแล้วไซร้ อาจตายคาสนามรบได้ เลยทำสัญญาฝากบ้านไว้กับโจร เอ้ย! จดหมายลาป่วยส่งให้ป๊า ขออยู่ต่อที่สายสี่จนกว่าจะหายดี ระหว่างการขับรถกลับบ้าน อากงของธีร์ยังคิดจะกินอาหารเย็นกันต่อ (นั่นเป็นเวลาเพียงสองสามชั่วโมงหลังจากเสร็จภารกิจติ่มซำ) เอาก็เอาฟระ ป๊าที่ขับรถตามมาก็ได้รับเสียงเพรียกจากสรวงสวรรค์ให้ไปกินข้าวเย็นด้วยกันต่อแถวศาลายา

ร้านสายลมสายน้ำที่เราไปกินกันอยู่ริมคลองทวีวัฒนา อีกข้างติดกะทุ่งนา เลยนาไปเป็นทางรถไฟ บางทีกินๆ อยู่รถไฟก็ปู๊นๆ ผ่านมา บรรยากาศใช้ได้ อาหารก็อร่อยดี ลงหนังสือมาแล้วหลายเล่ม นัยว่าแม่ครัวเป็นชาวเมืองกาญจนบุรี อาหารเผ็ดก็เผ็ดกันไฟแล่บ ไม่ค่อยเหมาะกะคนจืดชืดอย่างหม่าม้าเท่าไหร่
ระหว่างรออาหาร ธีร์ก็ถูกหม่าม้าจับไปเดินเล่นบนพื้นหญ้าด้วยเท้าเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่เท้าธีร์สัมผัสกะหญ้า พอวางธีร์ลงพื้น ธีร์ถึงกับยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่เกือบนาทีเชียว พอเริ่มได้เดินก็เดินไม่หยุด สนุกใหญ่ ป๊าถ่ายรูปธีร์เดินบนพื้นหญ้ามาได้หลายรูป ดังนี้....
555 ในที่สุดป๊าก็ทำสำเร็จ blogger ไม่ support gif file แต่ถ้าใครอยากดู ธีร์ อ้าปากกว้างๆ แบบ animated gif ตามมาที่ linkนี้ เลยครับ http://allaboutthee.multiply.com/

กินข้าวเสร็จเราก็แยกย้าย ป๊ามุ่งหน้ากลับนครปฐม หม่าม้า กง ม่า โมอิ๊ (อันนี้มีที่มาไว้ค่อยเล่าทีหลัง เรื่องมันยาวไปแล้ว) ก็กลับสายสี่แปลงร่างจากพะยูนมาเป็นปลาวาฬยักษ์เกยตื้นกัน

เรื่องสั้นขนาดยาวของหม่าม้าที่พล่ามเรื่อยเปื่อยไร้สาระมานานก็สมควรจบลงแต่เพียงเท่านี้ หวังว่าตอนป๊าเอารูปมาลงคงไม่ตัดตอน ทำตัวเป็นฤาษีแปลงสารไปซะล่ะ